คู่รักไทย-ลาว ร้องสถานทูตลาว-กต. เดือดร้อนถูกดำเนินคดีปลอมเอกสาร

กทม. 11 พ.ย.-หลังสำนักข่าวไทยนำเสนอรายงานพิเศษชุด “ปลอมเอกสารป่วนชีวิต 300 คู่รักไทย-ลาว” เมื่อกลางเดือนก่อน ล่าสุดผู้เสียหายตัวแทนคู่รักไทย-ลาว ได้รวมตัวกันเข้าขอความช่วยเหลือจากสถานทูตลาว และกระทรวงการต่างประเทศของไทย เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกดำเนินคดี

ตัวแทนคู่สมรสไทย-ลาว จากจังหวัดอุบลราชธานี กรุงเทพฯ และกาญจนบุรี เข้าขอความช่วยเหลือจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย รวมถึง ผอ.กองสัญชาติและรับรองนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของไทย หลังได้รับความเดือดร้อนจากการถูกดำเนินคดีในข้อหาใช้หนังสือรับรองปลอมเพื่อจดทะเบียนสมรส หลายคู่ถูกอัยการสั่งฟ้องแล้ว ทำให้คู่สมรสฝ่ายลาวถูกยึดพาสปอร์ต ถูกไล่ออกจากงาน ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านในฝั่งลาวได้ และในอนาคตจะต้องแยกจากครอบครัว ถูกผลักดันกลับลาว ห้ามเข้าไทยตลอดชีวิต

แต่ละคู่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใช้หนังสือรับรองปลอมเพื่อจดทะเบียนสมรสในลักษณะเดียวกัน โดยระบุว่ามีการปลอมเลขที่หนังสือรับรอง ปลอมดวงตราประทับและลายเซ็นของกงสุลใหญ่ลาวที่ขอนแก่น ซึ่งทางคู่สมรสไทย-ลาวต่างยืนยันพวกเขาเดินเอกสารตามขั้นตอน และได้รับการประทับตรารับรองอย่างถูกต้องจากกระทรวงการต่างประเทศ จึงขอให้ทางการไทยช่วยตรวจสอบว่าเอกสารดังกล่าวปลอมอย่างไร และปลอมขึ้นในขั้นตอนไหน


ทั้งนี้ ในการเข้าพบเจ้าหน้าที่สถานทูต สปป ลาว ที่กรุงเทพฯ ทีมข่าวสำนักข่าวไทยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปบันทึกภาพ และยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ยังมีคู่รักไทย-ลาวอีกกว่า 300 คู่ ที่กำลังถูกหลายอำเภอในไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับจดทะเบียนสมรสไล่ดำเนินคดี หลังรักษาการกงสุลใหญ่ลาวที่ขอนแก่น มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าฯ 20 จังหวัดในภาคอีสาน ให้ตรวจสอบหนังสือรับรองยื่นขอจดทะเบียนสมรสระหว่างคนลาวกับคนไทย ในช่วงปี 61 ที่ระบุมีการปลอมหนังสือรับรองตั้งแต่ลำดับเลขที่ 1,600 ขึ้นไป ปลอมดวงตราประทับและลายเซ็นของเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ลาว

เรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้เกี่ยวข้อง ทั้งคู่สมรสไทย-ลาว และเอเย่นต์ไทย และตั้งข้อสงสัยหลายเรื่อง รวมทั้งกรณีที่นายคำไพ พันทองดี ซึ่งเคยเป็นรักษาการกงสุลใหญ่ลาวที่ขอนแก่น ช่วงกลางปี 61 ถึงกลางปี 62 มีหน้าที่เซ็นชื่อในหนังสือรับรองการจดทะเบียนสมรสไทย-ลาว แต่กลับออกหนังสือแจ้งให้ทุกจังหวัดในภาคอีสานตรวจสอบและดำเนินคดีกับคู่สมรสไทย-ลาว ว่าใช้เอกสารปลอม ซึ่งเป็นการแจ้งในช่วงเวลาที่ตัวนายคำไพอยู่ในตำแหน่ง และตอนนี้ที่คู่รักไทย-ลาวจำนวนมากถูกดำเนินคดี พวกเขาได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในขั้นตอนการต่อสู้คดี เสียเงิน เสียเวลา เสียอิสรภาพ อาจถูกผลักดันกลับลาว และอาจหมดโอกาสกลับมาอยู่กับครอบครัวฝั่งไทยอีก.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปลอมเอกสารป่วนชีวิต 300 คู่รักไทย-ลาว ตอนที่ 1
ปลอมเอกสารป่วนชีวิต 300 คู่รักไทย-ลาว ตอนที่ 2
ปลอมเอกสารป่วนชีวิต 300 คู่รักไทย-ลาว ตอนที่ 3
ปลอมเอกสารป่วนชีวิต 300 คู่รักไทย-ลาว ตอนที่ 4 (ตอนจบ)


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดยื้อ! ด.ช.5 ขวบ น้ำหนัก 50 กก. อาหารติดคอดับ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจเด็กชายวัย 5 ขวบ น้ำหนัก 50 กิโลกรัม อาหารติดคอ แต่สุดยื้อ เสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว

เจอร่างใต้ตึกถล่ม

เจออีก 4 ร่างใต้ซากตึกถล่มโซน C จ่อนำเครนยักษ์เปิดพื้นที่

กู้ภัยเจอ 4 ร่างผู้สูญหายตึกถล่ม โซน C รอส่งนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เตรียมนำเครนเข้ายกแผ่นปูนขนาดใหญ่ เปิดพื้นที่มากขึ้น

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

ปิดฉาก “มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ยอดจองพุ่ง 7.9 หมื่นคัน โต 44.8%

ยอดจองรถยนต์ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” รวมทุกเซกเมนต์โตพุ่ง 44.8% หรือคิดเป็น 79,941 คัน โดยเป็น EV 65% ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ยังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 1.6 ล้านคน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเลื่อน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเห็นตรงกันเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน หลังมีเรื่องด่วนกว่า ต้องจัดลำดับความสำคัญ แต่ไม่ถอนการพิจารณาในสภา บอกการเมืองบิดเป็นกาสิโน ลั่นผู้นำสไตล์ “แพทองธาร” พรรคร่วมต้องเห็นด้วยอย่างเต็มใจ

“คะน้า” แจ้งความเอาผิดไฮโซเก๊ หลอกจ่ายค่าแชมเปญ

“คะน้า” ดาราสาว แจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดีกับอดีตแฟนหนุ่ม ข้อหาฉ้อโกง หลังหลอกให้จ่ายค่าแชมเปญ 98,000 บาท เพื่อเป็นของขวัญ

ตึกสตง.ถล่ม

เข้าสู่วันที่ 12 นำออกได้อีก 4 ร่าง ภารกิจค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.ถล่ม

หลังดีเอสไอรับคดีตึก สตง.ถล่ม เป็นคดีพิเศษ วันนี้ (8 เม.ย.) กรรมการคดีพิเศษได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์และหารือแรงงานที่เกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน เพื่อใช้ในคดีกับผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ขณะที่ กทม. ยืนยันใช้แผนเดิมในการรื้อถอนอาคาร โดยวันนี้จะพยายามตัดยอดส่วนบนให้ได้ 5 เมตร เพื่อหาร่างผู้ติดอยู่ในโซน B และ C