ประชาชนขอความช่วยเหลือจาก พม. 18,909 กรณี

พม. 6 พ.ย.-“วราวุธ” รมว.พม. เผย ศรส. รายงานพบประชาชนขอความช่วยเหลือจาก พม. 18,909 กรณี สูงสุดเรื่องโครงการรัฐแจกเงิน 10,000 บาท

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวง พม. ว่า ในที่ประชุมมีการการรายงานผลการดำเนินงานของศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ในรอบเดือนตุลาคม 2567 ระบุว่า มีประชาชนโทรเข้ามาที่สายด่วน 1300 ศรส. เพื่อขอรับบริการทั้งหมด 18,909 กรณี เฉลี่ยแล้วประมาณวันละ 610 กรณี ส่วนใหญ่ที่โทรเข้ามา เป็นสุภาพสตรีที่อยู่ในวัยทำงาน รองลงมาเป็นกลุ่มคนเปราะบาง คือ คนพิการ ผู้สูงอายุ เด็ก และเยาวชน


ที่น่าสนใจ คือการให้คำปรึกษาทั้งหมด 8,805 กรณี และส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 แจกเงิน 10,000 บาท ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ซึ่งคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และเป็นมาตรการที่รัฐบาลออกมา ตนจึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. โดยเฉพาะกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้เร่งประสานงานและดูแลเกี่ยวกับรายละเอียดของคนพิการแต่ละคนที่ยังไม่ได้รับเงิน เพราะติดเรื่องข้อมูลด้านใดที่ยังไม่ครบ

นายวราวุธ กล่าวว่าที่น่าสนใจว่าการร้องเรียนจากแต่ละกรณีเราจะแบ่งเป็นแต่ละพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล และส่วนภูมิภาค ซึ่งเรื่องที่ถูกร้องเรียนเข้ามาในเขตกรุงเทพมหานคร อันดับ 1 คือ คนไร้ที่พึ่ง และขอทาน รองลงมา คือ เรื่องรายได้และความเป็นอยู่ ถัดมาในเขตพื้นที่ปริมณฑล อันดับ 1 คือ ปัญหารายได้และความเป็นอยู่ รองลงมา คือ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และเรื่องคนไร้ที่พึ่งและขอทาน และในส่วนภูมิภาค อันดับ 1 คือ เรื่องรายได้และความเป็นอยู่ รองลงมา คือ ปัญหาความรุนแรง


ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ถ้าเรียงลำดับปัญหาจากกรุงเทพมหานคร ไปเขตพื้นที่ปริมณฑล ไปจนถึงส่วนภูมิภาคนั้น ประเด็นที่คนร้องเรียนเรื่องคนไร้ที่พึ่งและขอทาน จะมีอยู่มากที่สุดในกรุงเทพมหานคร รองลงมาจะเป็นเขตปริมณฑล และส่วนในเขตภูมิภาคจะน้อยที่สุด ปัญหาเหล่านี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า กระทรวง พม. ได้เน้นย้ำกันอยู่ตลอดว่าในกรุงเทพมหานคร มีคนให้ทานเยอะ ซึ่งในพื้นที่ใดที่มีคนให้ทานเยอะ ขอทานจะรวมตัวกัน และเมื่อออกไปยังเขตปริมณฑล มีคนให้เงินขอทานน้อยลง จะมีขอทานและเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ลดลงมาด้วย ในส่วนของภูมิภาค แทบจะไม่มีการให้ทานเลย จึงแทบจะไม่มีกรณีการร้องเรียนเรื่องนี้

นายวราวุธ ยังฝากพี่น้องประชาชน ว่า การแก้ไขปัญหาเรื่องขอทาน นับเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติก็ว่าได้ แต่สามารถแก้ไขได้ ด้วยกลไกเพียงนิดเดียว คือ พี่น้องประชาชนต้องหยุดให้ทาน เพราะความสงสาร จะก่อให้เกิดปัญหาอีกหลายอย่างตามมา และยังสะท้อนให้เห็นได้ว่านิสัยของคนในเมือง และต่างจังหวัด ซึ่งคนที่เข้ามาเป็นคนไร้ที่พึ่งในกรุงเทพมหานค และขอทานนั้น แปลว่า บุลคลนั้นทำมาหากินไม่ได้แล้ว บางคนไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีที่จะอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดจะเห็นว่าเมื่อไม่มีข้าวกิน ยังสามารถไปขอแบ่งปันข้าวจากเพื่อนบ้านได้ ความมีน้ำใจโอบอ้อมอารี คือนิสัยคนไทยในต่างจังหวัด ซึ่งจะแตกต่างกับวิถีชีวิตของคนในเมือง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของสังคมไทยที่มีอยู่ในต่างจังหวัด ขอฝากไว้ว่าในกรุงเทพมหานคร วิถีชีวิตของคนเมือง อาจจะถูกเปลี่ยนไป แต่ยังรักษาไว้ซึ่งความโอบอ้อมอารี เพียงแต่ความโอบอ้อมอารีเหล่านั้น ไม่ได้แปลว่าต้องให้ทานกับขอทาน เพราะการขอทานนั้นผิดกฎหมาย

นายวราวุธ กล่าวว่า ศรส. รายงานประเด็นความรุนแรงประจำเดือน ต.ค.67 ระบุส่วนใหญ่จะเป็น ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสุภาพสตรีที่เป็นผู้ถูกกระทำ มีมากถึง 459 ราย หรือ 74% รองลงมาเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับ เด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ และส่วนใหญ่เกิดจากบุคคลในครอบครัวเป็นผู้กระทำ ดังนั้น สถาบันครอบครัวในประเทศไทย คือฟางเส้นสุดท้ายของสังคมไทย ความอบอุ่นและความใกล้ชิดของบุคคลในครอบครัว จะเป็นสิ่งที่ป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับสมาชิกในครอบครัว และจะไม่สามารถเอาความไม่ดีมาถ่ายทอดสู่สังคมไทยได้


นายวราวุธ กล่าวว่ากรณีเงิน 10,000 บาท โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ที่พี่น้องคนพิการได้ลงทะเบียนไว้ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ยังมีคนพิการอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับเงินจำนวนนี้ สืบเนื่องมาจากข้อมูลยังไม่ตรงกัน การผูกบัญชีเข้ากับระบบของกระทรวง พม. และกระทรวงมหาดไทย ยังไม่ครบถ้วน รวมถึงพร้อมเพย์ ขอฝากไปยังพี่น้องคนพิการว่าเงินจำนวนนี้ คนพิการยังสามารถยืนยันสิทธิ์นี้ไว้ได้ ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2567 เท่านั้น ขอให้ทุกคนเร่งแก้ไขข้อมูลให้ตรงตามทะเบียน ถ้าหากมีข้อสงสัย สามารถโทรสอบถามได้ 24 ชั่วโมง ที่สายด่วน พม. 1300 ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) จะให้คำแนะนำได้ว่าจะสามารถรักษาสิทธิ์ได้อย่างไร สำหรับพี่น้องคนพิการที่ลงทะเบียนไม่ทันวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ต้องรอฟังแนวทางจากรัฐบาล และจากกระทรวงการคลัง ว่าในก้าวต่อไปจะมีแนวทางการมอบเงิน 10,000 บาทนี้อย่างไร แต่สำหรับคนที่ลงทะเบียนแล้วยังมีเวลาไปปรับข้อมูลให้ตรงและถูกต้อง จนถึงวันที่ 3 ธันวาคมนี้ เพื่อที่จะรักษาสิทธิ์ไว้

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]