ซีพีมีลุ้นได้เข้าประมูลสนามบินอู่ตะเภาต่อ

กรุงเทพฯ 7 พ.ย. – ศาลปกครองสูงสุดยกแรก ธนโฮลดิ้งมีลุ้นได้ไปต่อด้วยเสียงหนุนจากตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุดเสนอให้เพิกถอนการไม่รับเอกสารของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ด้านคณะกรรมการคัดเลือกฯ เสนอที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาข้อพิพาทกับธนโฮลดิ้ง   


ผู้สื่อข่าวรายว่าวันนี้ (7 พ.ย.) ศาลปกครองสูงสุดนั่งพิจารณาคดีบริษัท  ธนโฮลดิ้ง  จำกัด กับพวกรวม 5  คน ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  กรณีมีมติไม่รับซองข้อเสนอของธนโฮลดิ้งกับพวกบางรายการ คือ ข้อเสนอตัวจริงกล่องที่  6 ซึ่งเป็นข้อเสนอทางเทคนิคและแผนธุรกิจ และตัวจริงกล่องที่ 9  ข้อเสนอ ด้านราคา  ในการยื่นข้อเสนอในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ตามหนังสือที่  กพอ.ทร. 182/ 2562ลงวันที่ 10  เม.ย.2562 โดยอ้างว่าบริษัท  ธนโฮลดิ้ง  จำกัด  กับพวกรวม 5  คน ได้ยื่นข้อเสนอดังกล่าว เกินกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ 15.00 น.วันที่ 21 มีนาคม 2562เป็นเหตุให้บริษัท  ธนโฮลดิ้ง  จำกัด  กับพวกรวม 5  คน ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย 

ในการนั่งพิจารณาดคีครั้งแรกที่ห้องพิจารณาคดีที่ 12 ชั้น 3 ที่ศาลปกครอง องค์คณะศาลปกครองสูงสุดได้ให้ทั้งผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้องแถลงต่อศาล โดยผู้รับมอบอำนาจฝ่ายผู้ฟ้อง คือ น.ส.ปะราลี เตชะจงจินตนา ผู้รับมอบอำนาจ เป็นผู้แถลงด้วยวาจาต่อศาล ส่วนฝ่ายคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มีพลเรือตรีเกริกไชย วจนาภรณ์ รองปลัดบัญชีทหารเรือในฐานะเลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกฯ เป็นผู้แถลงด้วยวาจาต่อศาล  


น.ส.ปะราลี แถลงต่อศาล สรุปได้ว่าการยื่นเอกสารประมูลโครงการนี้ผู้ยื่นประมูลแต่ละรายมีเอกสารมากจึงทยอยขนส่งเข้ามา ซึ่งบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัดและพวก 5 คน ได้ยื่นเอกสารแก่เจ้าหน้าที่ครบถ้วน รวมข้อเสนอตัวจริงกล่องที่  6 ซึ่งเป็นข้อเสนอทางเทคนิคและแผนธุรกิจ และตัวจริงกล่องที่ 9  ข้อเสนอ ด้านราคาด้วย พร้อมชำระค่าธรรมเนียมแล้วโดยทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ท้วงติงเท่ากับเป็นการรับเอกสารตามขั้นตอนที่กำหนด ทั้งนี้ กลุ่มยืนยันว่าหากศาลให้ความเมตตาเปิดเอกสารจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐ ทำให้รัฐสามารถพิจารณาข้อเสนอของทุกรายอย่างกว้างขวางที่สุดตามวัตถุประสงค์ในการประมูลโครงการนี้  

 พลเรือตรีเกริกไชย แถลงต่อศาล โดยยืนยัน ว่าบริษัทธนโฮลดิ้ง และพวกยื่นเอกสารล่าช้า ทั้ง ๆ ที่บริษัทมีความสัมพันธ์กับกลุ่มบริษัทที่ยื่นและชนะประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน น่าจะทราบแนวทางการยื่นประมูลดีว่าต้องยึดถือทำนองเดียวกัน และยึดถือกำหนดเวลาเป็นสำคัญ แต่บริษัทส่งเอกสารกล่องที่ 6 และกล่องที่ 9 มาเกินเวลาที่กำหนดไว้ไม่เกิน 15.00 น. โดยมายื่นเวลาเอกสารเวลา 15.09 น. ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ติดตั้งนาฬิกาไว้ 2 เรือนทั้งระบบอนาล็อคและระบบดิจิทัล เพื่อความเที่ยงตรงไม่ให้เวลาคลาดเคลื่อนแล้ว และบริษัทจำนนว่ายื่นเอกสารเลยเวลา จึงพยายามหาช่องทางให้มีสิทธิ์เข้าร่วมปะมูลโครงการต่อไป ซึ่งการนำส่งเอกสารล่าช้า น่าสังเกตว่าได้มาประเมินคู่ต่อสู้แล้วนำไปเปลี่ยนแปลงข้อเสนอในวินาทีใกล้เสร็จสิ้น  การนำส่งเอกสารล่าช้า โดยอ้างเหตุการจราจาติดขัดทำให้มาไม่ทันเวลา หากศาลกรุณาให้รับเอกสาร ระบบการจัดซื้อจัดจ้างต่อจากนี้ไป จะไม่มีผู้ยื่นประมูลรายยื่นเอกสารตามเวลาอีกต่อไป และจะเป็นบรรทัดฐานเชิงลบ สังคมจะอยู่กันอย่างไร ขณะที่สภาพการจรจรอย่างเดียวกันทำไมผู้เข้าประมูลรายอื่นฝ่ามาได้ยื่นเอกสารทันเวลา  

 พลเรือตรีเกริกไชย ยังระบุว่า ช่วงเช้าวันนี้พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และประธานคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ได้เสนอให้ศาลปกครองสูงสุด นำการพิจารณาคดีนี้ที่มูลค่าโครงการสูงถึง 270,000 ล้านบาท ขึ้นไปสู่ชั้นการพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดแล้ว  


 พลเรือตรีเกริกไชย กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้ทำหน้าที่ดีที่สุด โดยได้แถลงด้วยวาจาต่อศาล เพื่อเป็นการสรุปข้อเท็จจริงตามคำแก้อุทธรณ์ซึ่งได้จัดส่งให้ศาลปกครองสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ หากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเป็นประการใด คณะกรรมการคัดเลือกฯ พร้อมปฏิบัติตามคำพิพากษา 

จากนั้นองค์คณะศาลปกครองสูงสุดได้ให้นายเชี่ยวชาญ สุขช่วย ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุดร่วมแถลงคดี สรุปได้ว่า กรณีนี้เป็นการยื่นเอกสารประมูลโครงการขนาดใหญ่ จึงมีเอกสารมากจำเป็นต้องมีกระบวนการที่ชัดเจน มีกระบวนการตรวจรับ และแจ้งล่วงหน้าด้วย แต่ขั้นตอนของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ไม่มีกระบวนการตรวจรับเอกสารที่ชัดเจน การรับเอกสารจึงไม่ต้องยึดถือเอกสารผ่านเวลา 15.00 น. และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ท้วงติงหรือออกหนังสือรับรองแบบมีเงื่อนไข จึงถือว่าเอกสารครบถ้วนแล้ว และไม่มีการทำรายงานขณะนั้น เช่นเดียวกับการอ้างภาพนิ่งที่บริษัทขนเอกสารฝ่ายจุดลงทะเบียนเวลา 15.09 น.ซึ่งเป็นเวลาภายหลังปิดรับเอกสารแล้วโดยเอกสารเก็บในห้องเนวีคลับ จึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ข้อเสนอของผู้เข้ายื่นประมูลโครงการรายอื่นได้ การที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ อ้างว่า ยื่นเอกสารตอนเวลา 15.09 น. จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญให้ผู้เข้ายื่นประมูลโครงการอีก 2 รายต้องแข่งขันที่ไม่เสมอภาคและไม่เป็นธรรม  กล่าวโดยสรุป คือ  เห็นว่าควรเพิกถอนมติของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกที่ไม่รับเอกสารของบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด  พร้อมเสนอให้กลับคำพิพากศาลของศาลปกครองชั้นต้นที่ที่ยกคำฟ้องของบริษัท ธนโฮลดิ้ง กรณีคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่รับเอกสารบางส่วนของบริษัท 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคำแถลงของตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองฯ ไม่ผูกพันต่อการพิจารณาขององค์คณะศาลปกครองสูงสุดในการพิจารณาคดีนี้ ขณะที่กระบวนการพิจารณาคดีนี้ทางองค์คณะศาลปกครองสูงสดจะได้นัดพิจารณาต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]