ใกล้เปิดเทอม!!! แนะโรงเรียน-ศูนย์เด็กเล็ก พร้อมรับมือPM 2.5

กรมอนามัย 24 ต.ค.-กรมอนามัย ห่วงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงวันเปิดเทอม แนะนำให้โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เตรียมพร้อม ทำความสะอาดตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม พร้อมทั้งจัดให้มีห้องปลอดฝุ่น (Cleaner air shelter) เพื่อช่วยเด็กลดความเสี่ยงสูดฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย


พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้หลายโรงเรียนเริ่มทยอยเปิดเทอมทำให้เด็กวัยเรียนและกลุ่มเด็กที่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องได้รับการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เนื่องจากเด็กมีอัตราการหายใจเร็วกว่าผู้ใหญ่ และปอดยังพัฒนา ไม่เต็มที่ ทำให้ร่างกายได้รับมลพิษมากขึ้น 


ซึ่งส่งผลกระทบต่อสมรรถนะของปอดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางระบบประสาทและความสามารถทางปัญญาของเด็กโดยขอความร่วมมือโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทำความสะอาดพื้นที่ก่อนเปิดเทอมและจัดทำห้องปลอดฝุ่น (Cleaner air shelter)เพื่อช่วยให้เด็กได้รับอากาศที่สะอาด


พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อไปว่า การจัดทำห้องปลอดฝุ่น (Cleaner air shelter) นั้น มีวิธีการปฏิบัติดังนี้ 

1) เลือกห้องที่ห่างจากแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองเช่น ถนน ลานจอดรถ พื้นที่ก่อสร้าง และไม่มีกิจกรรม    ที่จะก่อให้เกิดมลพิษภายในห้อง เช่น จุดเทียน จุดธูป นอกจากนี้ ควรเป็นห้องที่มีประตูหรือหน้าต่างน้อยที่สุด    และหลีกเลี่ยงอุปกรณ์ที่เป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละอองภายในห้อง เช่น พรม หนังสือ ตุ๊กตา เป็นต้น 

2) ลดฝุ่นโดยการปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด และปิดช่องหรือรูอากาศด้วยวัสดุปิดผนึก เช่น ซีลประตู หรือเทปปิดร่องประตูหรือหน้าต่าง เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกเข้าไปในห้อง 

และ 3) ทำความสะอาดห้องด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดหรือถู ไม่ควรใช้ไม้กวาดหรือเครื่องดูดฝุ่นเพราะจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย เปิดพัดลมเพื่อหมุนเวียนอากาศภายในห้องสำหรับห้องที่มีเครื่องปรับอากาศควรตรวจสอบทำความสะอาดหน้ากากเครื่องปรับอากาศและแผ่นกรองอากาศทุกเดือน ล้างเครื่องปรับอากาศอย่างน้อย 6 เดือนต่อครั้ง และอาจเพิ่มประสิทธิภาพการลดฝุ่นในห้องเช่น การใช้เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวควรมีขนาดที่เหมาะสมกับห้อง

“นักเรียนที่ป่วยด้วยโรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ หรือหอบหืดควรให้อยู่ภายในอาคารหรือห้องปลอดฝุ่นและต้องได้รับการดูแลจากครูอย่างใกล้ชิด และช่วงประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โรงเรียนควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเข้าแถวหน้าเสาธง การออกกำลังกายกลางแจ้ง และมีมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ดังนี้ 1)งดกิจกรรมที่ก่อให้เกิด PM 2.5 โดยขอความร่วมมือผู้ปกครองจอดรถรับ-ส่งนอกสถานศึกษา หากจำเป็นต้องนำรถเข้ามาจอด ให้ดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถ 2) ขอความร่วมมือร้านค้าแผงลอย ปิ้งย่างโดยใช้เตาไร้ควัน และ 3) ปลูกต้นไม้บริเวณโรงเรียนหรือจัดสวนแนวตั้ง เพื่อดักฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ และที่สำคัญคุณครูควรสื่อสารข้อมูลสถานการณ์มลพิษทางอากาศและวิธีการป้องกันตนเองแก่นักเรียนอยู่เสมอ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้