กรุงเทพฯ 17 ต.ค. – ไทยออยล์คุยลงทุนปรับปรุงมาตรฐานยูโร 5 เพิ่มเพียงกว่า 1,000 ล้านบาท “แต้มต่อ” ทางธุรกิจ ยอมรับต้องส่งออกน้ำมันเพิ่มหลังปี 63 รัฐบาลเร่งแผนใช้น้ำมันชีวภาพ
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรรมการผู้จัดใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ กล่าวว่า ขณะนี้ ไทยออยล์กำลังทำแผนปรับปรุงการกลั่นตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน ทั้งการส่งเสริมน้ำมันชีวภาพ ที่ปี 2563 จะส่งเสริมน้ำมันหลัก คือ ไบโอดีเซล บี 7 และอี 20 ขณะที่วันที่ 1 มกราคม 2567 จะปรับมาตรฐานน้ำมันจากยุโรประดับ 4 เป็นระดับ 5 (ยูโร 5) โดยในส่วนของยูโร 5 ทางบริษัทจะลงทุนเพิ่มประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นเงินที่ต่ำ ก็เนื่องจากการลงทุนส่วนหนึ่งอยู่ในโครงการพลังงานสะอาด หรือ CFP ที่จะลงทุนปี 2562-2566 วงเงินประมาณ 4,834 ล้านเหรียญสหรัฐไปแล้ว
“โครงการปรับปรุงยูโร 5 ของไทยออยล์ ถือว่าเป็นแต้มต่อ เพราะลงทุนต่ำมากเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่น ๆ ซึ่งภาพรวมแล้วทุกโรงกลั่นฯ ก็รอคำตอบจากรัฐบาลว่าจะมีการให้อินเทนซีฟ หรือแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนอย่างไร เพราะโรงกลั่นฯ ในไทยทั้ง 6 แห่งคาดว่าจะมีเงินลงทุนรวมกันเป็นหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งต้องดูว่าภาครัฐจะมีการผลักต้นทุนที่เพิ่มเข้าไปในราคาจำหน่ายแก่ประชาชนมากน้อยเพียงใด” นายวิรัตน์ กล่าว
ส่วนเรื่องสนับสนุนน้ำมันชีวภาพนั้น ยอมรับว่าทางโรงกลั่นฯ จะต้องปรับตัวเพื่อให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะมีการใช้เนื้อน้ำมันน้อยลง ซึ่งคงจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15 ของกำลังกลั่น 275,000 บาร์เรล/วัน เน้นไปที่กลุ่มอินโดจีน โดยปัจจุบันไทยออยล์มียอดขายดีเซลในประเทศ 500 ล้านลิตร/เดือน ขณะที่หากรัฐบาลยกเลิกการจำหน่ายจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 ทางโรงกลั่นฯ ก็ต้องปรับกำลังกลั่นในเรื่องน้ำมันพื้นฐาน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
สำหรับในช่วงไตรมาส 3/2562 และ 4/2562 นั้น ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ในช่วงไตรมาส 3/2562 อยู่ในระดับ 6.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนไตรมาส 4/2562 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3/2562 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคขยายตัวต่อเนื่องรวมถึงเข้าสู่ฤดูหนาว และฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ช่วยสนับสนุนการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ประกอบกับได้รับผลดีจากมาตรการบังคับใช้อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษทางเรือขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ในวันที่ 1 มกราคม 2563 ที่บังคับให้น้ำมันเติมเรือขนส่งต้องมีกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.5 ที่ส่งผลให้อุปสงค์ดีเซลและน้ำมันกำมะถันต่ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน เทียบกับปี 2562
ส่วนภาพรวมปี 2563 มั่นใจว่าผลประกอบการจะดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น เศรฐกิจโลกมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะมีความคลี่คลาย รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจาก IMO และคาดว่ากำลังการกลั่นจะกลับมาอยู่ในระดับร้อยละ 113 จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับร้อยละ 110 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2563 คาดว่าจะเฉลี่ยในระดับ 58-63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ค่าการกลั่นจะปรับตัวดีขึ้นตามอุปสงค์ที่ดีขึ้น แต่ตลาดอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานจะปรับตัวลดลงจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย