กรุงเทพฯ 10 ตค.- รอง โฆษก ตร.ยันต้นสังกัดอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีผู้โพสต์ข้อความเชิงถูกตำรวจตัดต่อใบสั่งขับรถเร็ว จนถูกวิจารณ์หนัก หากพบว่าบกพร่อง จะดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ ยังไงกันแน่! หนุ่มโวยโดน ตร.ตัดต่อใบสั่งขับรถเร็วเกิน ชาวเน็ตเสียงแตก โดยเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ว่าจากการตรวจสอบในเบื้องต้นนั้น พบว่าเป็นใบสั่งจราจรของ สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 6 บก.ทล. ซึ่งผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องของต้นสังกัดได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว
โดยหลักแล้วในการออกใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจร ก็จะยึดหลักเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีพยานหลักฐานที่เพียงพอ จึงจะดำเนินการออกใบสั่งและทำการจัดส่งใบสั่งไปให้กับผู้ขับขี่หรือเจ้าของ ผู้ครอบครองรถ ตามที่อยู่ของรายการจดทะเบียน ด้วยวิธีการที่กฎหมายได้กำหนด อาทิเช่น การส่งในรูปแบบไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ เป็นต้น
นอกจากนี้กฎหมายยังเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่ เจ้าของผู้ครอบครองรถ สามารถชี้แจงในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถผู้ใดเห็นว่าตนมิได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับรถนั้น สามารถทำหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหานั้น โดยให้ส่งไปยังสถานที่ที่ระบุไว้ในใบสั่งหรือสถานที่ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ การทำหนังสือโต้แย้งให้ใช้วิธีส่งทางไปรษณีย์ตอบรับหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะกำหนดวิธีการอื่นใดด้วยก็ได้
เมื่อเจ้าพนักงานจราจรได้รับหนังสือโต้แย้งแล้ว หากเจ้าพนักงานจราจรยังคงยืนยันและเห็นสมควรดำเนินคดีต่อผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถผู้นั้น ให้ส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลต่อไป แล้วแจ้งผลให้ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถทราบ เมื่อได้มีการชำระค่าปรับครบถ้วนถูกต้องแล้ว ให้คดีเป็นอันสิ้นสุด
อีกทั้ง หากผลการตรวจข้อเท็จจริงในส่วนของประเด็นใบสั่งที่เจ้าพนักงานจราจรได้ออกไปนั้น มีการดัดแปลงแก้ไข หรือ การทำเอกสารราชการที่เป็นเท็จตามที่ผู้โพสได้ตั้งข้อสงสัย หน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินการในเรื่องทางวินัย และ อาญา อย่างเด็ดขาดต่อไปอยู่แล้ว
ล่าสุด รอง โฆษก ตร. เปิดเผยหลังได้รับรายงานเพิ่มเติม จาก กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเป็นการออกใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจร ในสังกัดจริง โดยพนักงานจราจรได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน ต่างๆที่เกี่ยวข้อง จากข้อมูลของภาพถ่ายและวีดีโอแล้วตรวจสอบพบการกระทำความผิด ของผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีขาว คันทะเบียน ฎบ – 1312 กรุงเทพมหานคร สถานที่เกิดเหตุ บริเวณ ถนน ทล.24 กิโลเมตรที่ 107-109 ตำบล/แขวง หัวถนน อ.นางรอง จว.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 เวลาประมาณ 16.56 น.
จากนั้นเจ้าพนักงานจราจร จึงได้ออกใบสั่ง ในข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด(ตาม พรบ.จร.ม.67 วรรคหนึ่ง,152) และ ฝ่าฝืนป้ายจำกัดความเร็ว(ตาม พรบ.ทางหลวงฯ ม.5(2),ม.69) โดยให้ชำระค่าปรับตามใบสั่งจำนวน 500 บาท ซึ่งถนนบริเวณจุดที่เกิดเหตุนั้นกฎหมายได้กำหนด 90 กม./ชม.(Speed limit enforcement)โดยความเร็วที่ตรวจจับได้ของผู้กระทำผิดคือ 135 กม./ชม.
อีกทั้งขณะนี้ พ.ต.อ.จตุพล เร่งถนอนทรัพย์ ผกก.6 บก.ทล. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการกระทำความผิด หรือ ทำให้หน่วยงานได้รับความเสียหาย ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ขอฝากเตือนไปยังประชาชน ในการนำเข้าข้อมูล การโพส การแชร์ ต่างๆเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือ โลกโซเชียลมีเดีย ขอให้ใช้สติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่นำข้อมูลที่เป็นเท็จในประการที่น่าจะสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น เมื่อเกิดการกระทำที่เป็นความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ท่านเองก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้
ในกรณีหากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกระทำผิดเสียเองจริง ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่มิชอบ สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายให้กับประชาชนหรือสังคม ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่เคยปกป้องหรือปล่อยไว้อยู่แล้ว มีการดำเนินการทางวินัย และ อาญา มาโดยตลอด มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี .-สำนักข่าวไทย