ครม.รับทราบผลประชุมรัฐมนตรีอาเซียนพลังงาน

ทำเนียบรัฐบาล 7 ต.ค. – ครม.รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนพลังงานครั้งที่ 37 ชาติอาเซียนตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้เท่ากับร้อยละ 23 


น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนพลังงานครั้งที่ 37  (AMEM) จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2562 ภายใต้แนวคิดหลัก “Avancing Energy Transition through Partnership and Innovation ว่า  ในการประชุม AMEM ไทย ลาว และมาเลเซีย ยืนยันการเพิ่มปริมาณการซื้อขายไฟฟ้าจาก ลาวผ่านไทยไปยังมาเลซียปริมาณสูงสุด 300 เมกะวัตต์ เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2563- ธันวาคม 2564 

ทั้งนี้ อาเซียนตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้เท่ากับร้อยละ 23 ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านพลังงานอาเซียน และยังรับทราบการที่อาเซียนสามารถลดความเข้มข้นการใช้พลังงานได้ร้อยละ 24.4 จากเป้าหมายร้อยละ 20 ในปี 2563 และร้อยละ 30 ในปี 2573 พร้อมขยายตลาดอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศแบบประหยัดพลังงานให้มีราคาถูกลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยมีการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซในอาเซียนกว่า 3,673 กิโลเมตรใน 6 ประเทศ 13 จุดเชื่อมโยงผ่านแดน 8 สถานีเปลี่ยนสภาพก๊าซธรรมชาติ ซึ่งสามารถรองรับก๊าซธรรมชาติกว่า 36.5 ล้านตันต่อปี


นอกจากนี้ ครม.ยังรับทราบแนวทางการสนับสนุนเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดและการผลักดันการจัดตั้งศูนย์องค์ความรู้ด้านถ่านหินอาเซียน เพื่อรองรับการเติบโตโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน น้ำมันและนิวเคลียร์ เพื่อประชาชน

ทั้งนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียน + 3 ด้านพลังงาน ครั้งที่ 16 ยังติดตามความคืบหน้าด้านประสิทธิภาพและอนุรักษ์พลังงาน ด้านการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในภาคขนส่ง พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือก

นอกจากนี้ ไทยได้หารือทวิภาคีร่วมกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ลาว สิงคโปร์ เมียนมา ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย อเมริกาและกัมพูชา โดยผลหารือที่สำคัญ เช่น โครงการจัดทำข้อเสนอแนะร่วมกับ IEA ด้านการส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในอาเซียน, ลาว ขอให้ไทยเร่งพิจารณา Tariff MoU ของโครงการน้ำงึม 3 ภายในปี 2562 เชื่อมโยงและซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง จีน ลาว และไทย และเสนอโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ซึ่งเป็นโครงการต่อไปในการขายไฟฟ้าให้กับไทย, มาเลเซีย เห็นพ้องกับไทยเร่งหาแนวทางจัดการกรณีระบบสายส่งกระแสตรงแรงดันสูงเชื่อมต่อระหว่างไทยและมาเลเซียที่กำลังจะหมดอายุการใช้งาน และทางญี่ปุ่น ขอให้ไทยสนับสนุนแนวคิดริเริ่มพลังงานสะอาดเพื่ออนาคตของอาเซียน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นักธุรกิจสาวแจ้งความทนายดัง “ฉ้อโกง” ฮุบเงิน 71 ล้าน

นักธุรกิจสาว อดีตลูกความทนายดัง แจ้งความถูกทนายดังฉ้อโกง ฮุบเงิน 71 ล้านบาท เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม “หวยออนไลน์”

สาวแจ้งความภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ

หญิงสาวแจ้งความภรรยาอดีตตำรวจยศนายพล แอบกิ๊กสามี แถมย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ มูลค่าหลายล้านบาท ด้านตำรวจเรียกผู้เสียหายสอบเพิ่ม พร้อมเก็บภาพวงจรปิดตรวจสอบแล้ว

“ทนายบอสพอล” มองยึดมือถือ พนง.ดิไอคอน เกินเส้นกฎหมาย

“ทนายบอสพอล” พาพนักงานดิไอคอน ลงบันทึกประจำวัน หลังตำรวจบุกค้น 11 จุด และยึดมือถือ มองว่าทำเกินกว่ากฎหมาย พร้อมฝากถึงศาลยุติธรรมในการออกหมายจับรอบ 2 เป็นห่วงสิทธิของทุกฝ่าย

ข่าวแนะนำ

ครบ 20 ปี เหตุจลาจลคดีตากใบ จำเลยยังล่องหน

วันนี้ครบรอบ 20 ปี เหตุจลาจลหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และยังเป็นวันที่คดีหมดอายุความ ในขณะที่การติดตามจับกุมตัวจำเลยยังไร้วี่แวว พาไปย้อนรอยเหตุการณ์และมุมมองของนักวิชาการต่อคดีนี้

รวบ “นัตตี้ ไดอารี่” ยูทูบเบอร์หลอกเทรดหุ้นฟอเร็กซ์

ตำรวจร่วมกับดีเอสไอ แถลงรับตัว “นัตตี้ ไดอารี่” กับแม่ ผู้ต้องหาหลอกเทรดหุ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท หลังหลบหนีไปอินโดนีเซีย และถูกตำรวจอินโดฯ จับกุม จากนี้ส่งตัวให้ดีเอสไอดำเนินคดีต่อ