จันทบุรี 4 ต.ค. – อาการดีขึ้นแล้ว! “ตระกูล อภิชิตวงศ์นุชิต” หรือ คมบาง 13 อาสากู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี ช่วยน้ำท่วมติดเชื้อในกระแสเลือดเข้าขั้นวิกฤติจนต้องปั๊มหัวใจ ยืนยันหากหายดี จะกลับไปเป็นอาสากู้ภัยทำงานช่วยเหลือสังคมเช่นเดิม
เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี นางสุจิตรา ศรีนาม ภริยานายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯ จันทบุรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยนายอำเภอแหลมสิงห์ นำคณะเหล่ากาชาดนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค และเงินบำรุงขวัญ เข้าเยี่ยมนายตระกูล อภิชิตวงศ์นุชิต อายุ 51 ปี หรือ พี่กุ้ง ชาวตำบลพลิ้ว อ.แหลมสิงห์ อาสาสมัครกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี นามเรียกขาน “คมบาง 13” ที่รับการรักษาตัวจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง จนหัวใจหยุดเต้น หลังนายตระกูลเดินทางกลับจากไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมกับเพื่อนๆ กู้ภัย จิตอาสา และยังกลับมาช่วยผู้ประสบภัยน้ำป่าเทือกเขาสระบาป ไหลหลากธารน้ำตกพลิ้ว เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่เกษตรกรรมใน จ.จันทบุรี จนตัวเองประสบอุบัติเหตุถูกไม้กระแทกขา ได้รับบาดเจ็บ
ขณะนี้อาการนายตระกูลดีขึ้นมาก พร้อมกับเล่าประสบการณ์หลังโกงความตายว่า เมื่อครั้งที่เกิดน้ำท่วม จ.ร้อยเอ็ด ได้เดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพร้อมกับเพื่อนกู้ภัยจิตอาสาจันทบุรี ตลอดจน 7 วัน หลังสถานการณ์เบาบางลง ประกอบกับกำลังกู้ภัยเหนื่อยล้า จึงถอนกำลังกลับมาที่จันทบุรี โดยไม่ได้มีอาการเจ็บป่วย จากนั้นไม่นาน เกิดน้ำป่าเทือกเขาสระบาปไหลหลากธารน้ำตกพลิ้ว เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่เกษตรกรรมใน จ.จันทบุรี ตนเองพร้อมกับเพื่อนกู้ภัยจึงออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน และถูกท่อนไม้ที่ไหลมากับน้ำกระแทกเท้าจนเป็นแผล
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ กลับมาทำแผลตามขั้นตอนที่ได้รับอบรมมา ถัดมาอีก 2-3 วัน มีไข้ขึ้นสูง จนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่อาการทรุดหนัก จึงถูกส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.พระปกเกล้า ช่วงนั้นประสาทหูรับรู้และได้ยินว่าอาการหนักมาก ให้ญาติทำใจ จนในที่สุดก็มาช็อกหมดสติไป ขณะนั้นไม้รู้ว่าตัวเองหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว แต่รู้สึกเหมือนกับฝันว่าตัวเองเข้าไปอยู่อีกมิติหนึ่ง ได้พบกับบุคคลสูงใหญ่ พาไปพบกับผู้คนมากมาย เดินเป็นแถวแต่ไม่มีใครพูดด้วย จากนั้นพาไปเที่ยวชมสวนดอกไม้และอุโมงค์พฤกษาที่สวยงาม บุคคลที่พาไปบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องอยู่ที่นี่ ให้กลับไปที่เคยมา เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่านอนอยู่บนเตียง โดยมีแม่และพี่น้องนั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับเล่าเรื่องที่ตัวเองถูกหมอช่วยปั๊มหัวใจทำให้รอดกลับมาจากความตาย
นายตระกูล ยังบอกอีกว่า ขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ หากหายดีเป็นปกติแล้ว ยืนยันจะกลับไปเป็นอาสากู้ภัยทำงานช่วยเหลือสังคมเช่นเดิม เพราะมันอยู่ในสายเลือด และเชื่อว่าบุญกุศลที่สั่งสมมาทำให้ตนเองรอดจากความตาย เพื่อมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป
ขณะที่นางชูชาติ สายชล อายุ 69 ปี มารดา เล่าว่า กุ้งเป็นพี่ชายคนโต มีพี่น้องร่วมกัน 5 คน ปัจจุบันมีอาชีพเป็นช่างทองและทำสวนผลไม้ ผันตัวเป็นจิตอาสาเข้าร่วมงานกู้ภัยมานานกว่า 20 ปี ทุกครั้งไม่ว่าที่ไหนของประเทศ ลูกชายและเพื่อนๆ จะเดินทางไปช่วยเหลือทุกครั้ง แม้ว่าตัวเองจะป่วยมีโรคประจำตัว และเคยขอร้องว่าให้คนอื่นที่มีสุขภาพแข็งแรงพร้อมกว่าไปบ้าง แต่ลูกชายไม่ยอม ส่วนเรื่องอาการป่วย ครั้งแรกที่อาการเข้าขั้นวิกฤติ แพทย์บอกให้ทำใจ อาจหยุดหายใจได้ทุกเมื่อ หากข้ามคืนนี้ไปก็มีโอกาสรอด จนคืนนั้นลูกชายเกิดอาการช็อกหมดสติหัวใจหยุดเต้น แพทย์ช่วยยื้อชีวิต จนรุ่งเช้าได้เข้าไปเยี่ยมลูก กลับพบว่ายังนอนอยู่บนเตียง พร้อมกับยกมือชูนิ้วโป้งแสดงตัวเองว่ายังไหว เชื่อว่าเพราะเป็นบุญกุศลที่เขาทำไว้
ขณะที่ นพ.วีระ สุเจตน์จิตต์ ผอ.โรงพยาบาลแหลมสิงห์ เปิดเผยว่า ผลการรักษาตอนนี้คนไข้มีอาการดีขึ้นมาก เนื่องจากได้รับยาปฏิชีวินะอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงต้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว ทำให้ภาวะเกล็ดเลือดค่อนข้างต่ำ และมีตกค้างที่ดวงตาทำให้มีสีแดง แต่ไม่ส่งผลต่อการมองเห็น และหายกลับคืนตามเดิม เมื่อเกล็ดเลือดลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ.- สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
► กู้ภัยจันทบุรีช่วยน้ำท่วมอีสาน ติดเชื้อบาดทะยัก อาการน่าห่วง