ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 เข้า ครม. จ่อเซ็นสัญญาพรุ่งนี้

ทำเนียบรัฐบาล 30 ก.ย. – กนอ.ชงท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ให้ ครม.เห็นชอบพรุ่งนี้ เตรียมลงนามสัญญาร่วมทุนกับบริษัทร่วมค้ากัลฟ์-พีทีที แทงค์  ทันที 12.30-13.00น. รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินลงนามกับผู้ชนะประมูล 15 ต.ค.นี้  



นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือคณะกรรมการอีอีซี แถลงผลการประชุม ครั้งที่ 9/2562 ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า  คณะกรรมการอีอีซีพิจารณาและรับทราบความคืบหน้าขั้นตอนการดำเนินงานโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเห็นชอบความก้าวหน้าโครงการท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่1) ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่ง กนอ.จะเสนอโครงการฯ  เข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.) เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้ว กนอ.จะลงนามสัญญาร่วมทุนกับบริษัทร่วมค้ากัลฟ์-พีทีที แทงค์  ทันทีในช่วงเวลาประมาณ 12.30-13.00 น .ที่ทำเนียบรัฐบาล  


นอกจากนี้ คณะกรรมการอีอีซี ยังรับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เกี่ยวกับการวางกำหนดการส่งมอบที่ดินให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะส่งมอบที่ดินร้อยละ 72 ภายใน 1 ปี หลังลงนามในสัญญาร่วมลงทุน เพื่อให้เอกชนเริ่มก่อสร้างโครงการ และที่ประชุมยังเห็นชอบให้ รฟท.ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในสัปดาห์นี้ เพื่อสรุปแผนย้ายสาธารณูปโภคต่าง ๆ ออกนอกเขตที่ดินที่จะก่อสร้างโครงการ ซึ่งที่ดินนี้มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 22 แผนย้ายจะต้องเสร็จก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ที่ รฟท.จะมีการลงนามในสัญญากับภาคเอกชนผู้ชนะการประมูล คือ กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) หรือกลุ่มซีพี 

สำหรับการย้ายสาธารณูปโภค เช่น กระทรวงพลังงานเร่งรัดการรื้อย้ายท่อก๊าซยาว 12 กม. ยกเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 16 จุด กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดย้ายท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ 4 จุด ย้ายเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงยาว 14 กม. ยกเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 39 จุด ย้ายท่อประปาขนาดใหญ่ยาว 2 กม. และกระทรวงคมนาคม โดย รฟท.ใช้สิทธิ์เร่งรัดให้ย้ายท่อน้ำมันของบริษัทเอกชน ระยะทาง 44 กม. รวมทั้งเร่งรัด พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน พ.ศ. …ทำให้การส่งมอบพื้นที่โครงการเป็นไปตามแผนงานและก่อสร้างเสร็จตามเป้าหมาย 

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า  โครงการท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 ภายหลังจากคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) NET Cost ได้ข้อยุติการเจรจาเงื่อนไขในสัญญาการเข้าร่วมลงทุนของกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีที แทงค์ (บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พรุ่งนี้ กนอ.นำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. หากเห็นชอบจะมีการลงนามกับภาคเอกชนวันพรุ่งนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล


สำหรับโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่1) มีมูลค่าการลงทุน 45,480 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี ซึ่งทาง กนอ.จะจัดพื้นที่ส่งมอบให้กับบริษัทเอกชนเข้าดำเนินการออกแบบรายละเอียดการพัฒนาในส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือ infrastructure ทันที  คาดว่าจะพัฒนาเสร็จและเปิดให้บริการนักลงทุนตามเป้าหมายปี 2568 และเชื่อว่าจะเป็นโครงการขนาดใหญ่สามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุนทั้งในและต่างชาติได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) จะจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ให้เป็นไปตามสัญญาร่วมลงทุนโดยมี 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย ผู้แทนจาก กนอ. ผู้แทนจาก สกพอ. ผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนจากบริษัทเอกชนร่วมลงทุน เพื่อให้การดำเนินงานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญซึ่งเป็น 1 ใน 5 EEC Project List ของอีอีซี เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นกลไกขับเคลื่อนการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไป และเป็นส่วนสำคัญสำหรับการนำเข้า – ส่งออกขนถ่ายสินค้ารองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 แบ่งเป็นพื้นที่ถมทะเลหลังท่าเพื่อใช้งานประมาณ 550 ไร่ และพื้นที่บ่อเก็บกักตะกอนดินเลนระหว่างก่อสร้างประมาณ 450 ไร่ ความยาวหน้าท่ารวมกันประมาณ 2,200 เมตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการขนถ่ายกลุ่มสินค้าของเหลว และกลุ่มสินค้าพลังงาน (น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ) ที่มีความต้องการใช้บริการเพิ่มขึ้นในอนาคต การพัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ภาคเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการฯครั้งนี้จะสามารถเข้าพัฒนาได้ภายหลังจากที่ทำการลงนามในสัญญาร่วมลงทุน (PPP) ซึ่งการร่วมลงทุนในครั้งนี้ภาคเอกชนจะได้สิทธิในการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือประมาณ 200 ไร่ รวมมูลค่าการลงทุน ประมาณ 47,900 ล้านบาท แบ่งเป็น กนอ.ร่วมลงทุนเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิไม่เกิน 12,900 ล้านบาท และภาคเอกชน 35,000 ล้านบาท ได้แก่ การขุดลอกและถมทะเล พื้นที่ 1,000 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ใช้ประโยชน์ 550 ไร่ และพื้นที่เก็บกักตะกอน 450 ไร่ การขุดลอกร่องนํ้า และแอ่งกลับเรือ การก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการเดินเรือ ท่าเทียบเรือบริการ และท่าเรือก๊าซรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซได้ 10 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568

ช่วงที่ 2 จะเป็นการลงทุนพัฒนาก่อสร้างในส่วนของท่าเรือ กนอ.จะออกทีโออาร์ เพื่อประกาศเชิญชวนภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วมพัฒนา โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาท่าเทียบเรือสินค้าเหลวรองรับปริมาณขนถ่ายสินค้าเหลวได้ 4 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 2566 และเปิดให้บริการปี 2568 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4,300 ล้านบาท และงานก่อสร้างพื้นที่หลังท่า  150 ไร่ เงินลงทุน 3,200 ล้านบาท เพื่อรองรับธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันการใช้งานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด มีการใช้งานใกล้เต็มศักยภาพรองรับแล้ว จึงจำเป็นต้องขยายเป็นระยะที่ 3 เพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และสินค้าเหลวสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวได้เพิ่มอีก 14 ล้านตันต่อปีในอีก 30 ปีข้างหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการอีอีซี ยังรับทราบและเห็นชอบความคืบหน้าด้านต่าง ๆ ของโครงการอีอีซี ดังนี้  การให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ EEC – OSS  โดย สกพอ.ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางบริการรับคำขออนุมัติ อนุญาต และประสานหน่วยงานเจ้าของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งภายหลังปรับปรุงแล้ว จะลดเวลาและขั้นตอนได้ถึง 50% โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการเพียง 78 วัน จากเดิม 158 วัน ใช้เอกสารประกอบเพียง 42 รายการ จากเดิม 60 รายการ  

ส่วนแนวทางการพัฒนาบุคลากรในอีอีซี สกพอ.ประมาณการความต้องการบุคลากรใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 475,000 ตำแหน่ง ใน 5 ปี ในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)   แจ้งความต้องการ 16,567 ตำแหน่งของผู้ลงทุนที่ขอเข้ามาลงทุนปีที่ผ่านมา ระยะเร่งด่วน 20,000 คนในปี งบประมาณ 2563  โดยมีแนวทางการดำเนินการ อาทิ จัดทำหลักสูตรระยะสั้น บูรณาการร่วมกับ 4 กระทรวง กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม ร่วมมือเอกชน อุปกรณ์ ครูผู้สอน สถานที่ฝึกงาน  เป็นต้น  

ส่วนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก กพอ.รับทราบตามที่ศาลปกครองเห็นตามคณะกรรมการคัดเลือกและมติอุทธรณ์ของ กพอ. ไม่รับเอกสาร 2 กล่อง (กล่องข้อเสนอแผนธุรกิจ และกล่องข้อเสนอผลตอบแทนทางการเงิน) ของกลุ่มกิจการร่วมค้าธนโฮลดิ้ง  ซึ่งบริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องกับศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562  อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการคัดเลือกจะดำเนินการต่อโดยกำหนดพิจารณาเอกสารทางเทคนิคให้จบภายในวันที่ 9 ตุลาคม 2562 และเปิดซองการเงิน เพื่อหาผู้เข้าเจรจาสัญญา คาดว่าจะเสร็จเดือนตุลาคม 2562  

ด้านโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F กพอ.รับทราบตามที่ศาลปกครองมีมติให้ คำพิพากษาให้ถอนฟ้องคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ให้กิจการร่วมค้าเอ็นซีพีไม่ผ่านการประเมินซอง 2 ให้การเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีคำสั่งและให้มีผลต่อไป จนกว่า มีคำพิพากษาของศาล ถึงที่สุด  ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กพอ.) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (คณะอนุกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ฯ)  และคณะกรรมการคัดเลือก ฯ จะเร่งดำเนินการต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แจ้งเอาผิด “โมนิก้า” ด่าทหาร-ประสาน กต.เรียกตัวให้ปากคำ

สุรินทร์ 22 ก.ค.- สภ.พนมดงรักษ์ รับแจ้งความเอาผิด “โมนิก้า” ม.116 – ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ปม ชี้หน้าด่าทหารปราสาทตาเมือนธม ประสาน กต.เรียกตัวให้ปากคำ จากกรณี นักท่องเที่ยวหญิงชาวกัมพูชา ก่อความวุ่นวายประสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ด้วยการชี้หน้าด่าทหารไทยในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังมีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่าผู้หญิงดังกล่าว ชื่อ นโรดม แพน โมนิก้า ล่าสุดสถานีตำรวจภูธรพนมดงรักษ์ (สภ.พนมดงรักษ์) จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนดำเนินคดีข้อหาก่อความวุ่นวาย ดูถูกเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่และการปลุกปั่นยุยงเพื่อนำเข้าในระบบคอมพิวเตอร์ คดีดังกล่าวเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางและเป็นที่สนใจของประชาชน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รายงานไปยังผู้บังคับการจังหวัดสุรินทร์ เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานสอบสวนดำเนินคดีนี้ เบื้องต้น ทางผู้บังคับการจังหวัดสุรินทร์ ลงนามแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวน ไปช่วยทำคดีนี้ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานสอบพยาน พยายานบุคคล พยานแวดล้อม และคลิปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย พร้อมทำหนังสือเรียกผู้ถูกกล่าวหาให้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.พนมดงรักษ์ โดยประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ -313 -สำนักข่าวไทย

ครม.ไฟเขียว “วิทัย” นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – ครม.ไฟเขียว “วิทัย” นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ เดินหน้าผลักดันนโยบายการเงิน ควบคู่กับนโยบายการคลัง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากครบกำหนด นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ให้มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป หลังจากพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐพุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ 21 สิงหาคม 2563 หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการ ครม.ให้ทำหนังสือถึง ปปง., ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ให้ชัดเจนมากขึ้น ตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายกำหนด การประชุม ครม.วันนี้ กระทรวงการคลังจึงส่งเอกสารเพื่อบรรจุในวาระพิจารณา ครม. […]

17 นักวิชาการอิสระ ยื่นหนังสือถึง ครม. ขอผู้ว่าฯ ธปท.เป็นอิสระ

กรุงเทพฯ 22 ก.ค.- 17 นักวิชาการอิสระ ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี-ครม. ระบุผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่ต้องเป็นอิสระ ไม่ถูกกดดันให้ลดดอกเบี้ย เพจเฟชบุ๊ก “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” โพสต์หนังสือเปิดผนึกถึงคณะรัฐมนตรี เรื่อง ตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เรียน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า กรณีการเสนอชื่อผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 22 กรกฎาคม 2568 ขอแสดงความห่วงใยและเสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ 1.เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยควรจะต้องเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว แม้จะเข้าใจได้ว่าโดยธรรมชาติแล้ว รัฐบาลต้องการการเจริญเติบโตของประเทศในระยะสั้น ซึ่งประสบการณ์การของผู้ทำงานธนาคารของรัฐ อาจจะเคยชินในการสนองตอบต่อนโยบายของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ดี เนื่องจากประเทศชาติต้องการการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จึงจำเป็นต้องเป็นบุคคลที่สามารถประคับประคอง และลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการมุ่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นของรัฐบาล 2.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องไม่ถูกกดดันเพื่อลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา ตามความต้องการของฝ่ายการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ เพราะจะทำให้นักการเมืองและคนบางกลุ่ม สามารถแสวงหาประโยชน์ในบางโอกาสจนร่ำรวย แต่ประเทศชาติเสียหาย 3.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเป็นอิสระจากการกดดันของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐ แต่จะต้องกำกับดูแลสถาบันการเงินเพื่อประโยชน์ของประเทศระยะยาว 4.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องได้รับการยอมรับระหว่างประเทศ โดยเฉพาะองค์การการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนและสถาบันของต่างประเทศเกิดความมั่นใจที่จะทำธุรกิจและพันธสัญญาในระยะยาว 5.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเข้าใจการพัฒนาประเทศในระดับมหภาค และการปรับโครงสร้างเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน […]

กกต. เปิดแล้วคำวินิจฉัย “หมอเกศ” ใช้ตำแหน่ง “ศาสตราจารย์” หลอกลวง

กกต. 21 ก.ค.-กกต. เปิดแล้วคำวินิจฉัย “หมอเกศ” ใช้ตำแหน่ง “ศาสตราจารย์” หลอกลวง ให้ได้มาซึ่งการลงคะแนนเลือก สว. ไม่พบหลักฐานได้รับแต่งตั้ง หลังมีมติยื่นศาลฎีกา เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญา เว็บไซต์สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.รวม 13 หน้า ที่มีมติเมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของนางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิก วุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญมาตรา 226 และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ น.ส.เกศกมล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561มาตรา 77 (4) กรณีใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ในการยื่นสมัครและแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา คดีนี้มีผู้ร้อง น.ส.เกศกมล รวม 7 รายร้องใน 6 ประเด็น ซึ่งมีข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกันว่า น.ส.เกศกมล สมัครรับเลือกเป็น สว. กลุ่มที่ 19 โดยระบุในข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (สว.3) […]