ศพ นศ.ฝึกงาน 13 ราย เหยื่อกระบะพลิกคว่ำ ถึงบ้านเกิดศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 30 ก.ย. – ศพ นศ.วิทยาลัยเทคนิคทั้ง 13 ราย กลับถึงบ้านเกิด โดยมีรองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ และ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ พร้อมคณะครู และญาติมารอรับศพ แม่ของหนึ่งในผู้เสียชีวิตบอกว่ายังทำใจไม่ได้ คิดถึงลูก อยากให้ทางวิทยาลัยช่วยพาไปทำพิธีเรียกขวัญนำวิญญาณน้องๆ กลับสู่บ้านเกิดด้วย 


จากเหตุรถกระบะเสียหลักพลิกคว่ำ บริเวณปากซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ ในรถมีทั้งนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ และคนอื่นๆ  สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าทั้งหมดมาฝึกงานอยู่ในบริษัทที่ตั้งอยู่ในซอยกิ่งแก้ว 22 ใกล้กับที่พัก และฝึกงานเสร็จวันสุดท้าย จึงไปฉลองการจบหลักสูตรการฝึกงานกันที่บริษัท จากนั้นชักชวนกันไปดูคอนเสิร์ตหมอลำต่อ หลังคอนเสิร์ตจบ จึงนั่งรถกระบะมุ่งหน้ากลับที่พักซอยกิ่งแก้ว 22 แต่ระหว่างทางเกิดอุบัติขึ้นจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว


จากวงจรปิดจะเห็นรถกระบะวิ่งมามาด้วยความเร็ว และพยายามแซงขวารถแท็กซี่ แต่จังหวะที่จะหักรถกลับเข้าเลนซ้าย เกิดเสียหลักชนกับกำแพงบ้านริมถนนและหมุนพลิกคว่ำกลางถนน ส่งผลให้คนที่นั่งกระบะหลังกระเด็นออกจากตัวรถ ส่วนวงจรปิดอีกมุม เห็นคนกระเด็นและกลิ้งไปตามพื้นถนนก่อนแน่นิ่งไป  


สำนักข่าวไทยตรวจสอบพบว่ามีคนนั่งมาในรถกระบะทั้งหมดรวม 19 คน เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 12 คน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลบางพลีอีก 1 คน รวมผู้เสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บก 6 คน จากเดิมที่ระบุว่ามี 5 คน เนื่องจากผู้บาดเจ็บที่ตรวจสอบได้เพิ่มเติมรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สิรินธร เขตประเวศ ส่วนอีก 5 คน รักษาตัวที่ รพ.จุฬารัตน์ 9 จ.สมุทรปราการ สำหรับผู้บาดเจ็บทั้ง 6 คน ในจำนวนนี้ 4 คนนั่งอยู่ในรถ ส่วนอีก 2 คนนั่งอยู่กระบะหลัง 

เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ราชาเทวะ พร้อมอุปกรณ์เคลื่อนย้ายเสาไฟฟ้าส่องทางที่ถูกชนหักเสียหายออกจากจุดเกิดเหตุ ในพื้นที่ยังเห็นร่องรอยความเสียหาย ตู้โทรศัพท์ กำแพงบ้าน และเศษชิ้นส่วนของรถกระบะ นายเดชา เพ็ชรไทย ระบุเป็นอุบัติเหตุครั้งรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดของถนนเส้นนี้ ถนนกิ่งแก้วมีระยะทาง 9 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นถนนเส้นตรงยาว 4 เลน มีไฟส่องทางสว่างตลอดคืน รถส่วนใหญ่ใช้ความเร็ว และช่วงกลางคืนจะขับขี่ด้วยความเร็วสูงกว่าปกติ จึงมักเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์

หลังเกิดเหตุนายชาติชาย อุทัยพันธุ์ ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นได้มอบเงินเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตรายละ 3,0000 บาท 

ดร.พีระพล พูลทวี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีประกันชีวิตที่วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษทำไว้ให้กับนักศึกษาทุกคนส่วนหนึ่ง เงินชดเชยจาก คปภ.ประมาณรายละ 100,000 บาท และการเยียวยาช่วยเหลืออื่นๆ จากสำนักงานคณะกรรมอาชีวศึกษา ส่วนการนำศพกลับภูมิลำเนาและค่าใช้จ่ายในสถานพยาบาล ทางโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ให้การช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย สำหรับนักศึกษาที่เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ระหว่างฝึกงานนอกสถาบันเทอมสุดท้ายก่อนจบการศึกษา โดยมีกำหนดเดินทางกลับสัปดาห์หน้า

ด้านครอบครัว ญาติ และตัวแทนวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ เดินทางไปที่ รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นำเอกสารมายื่นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับศพนักศึกษาและพนักงานบริษัทเอกชน 13 ราย บรรยากาศค่อนข้างโกลาหล แต่ก็มีเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายมาคอยอำนวยความสะดวก

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 13 ราย เป็นนักศึกษาของวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ 10 คน ศิษย์เก่าของวิทยาลัย 2 คน และพนักงานบริษัทเอกชน 1 คน โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดรถ 13 คัน นำศพทั้งหมดกลับภูมิลำเนา

ล่าสุดเมื่อเวลาตี 01.00 น. ที่ผ่านมา (30 ก.ย.) ศพนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษกลับถึงบ้านเกิดแล้ว ที่มูลนิธิสว่างจิตศรีสะเกษธรรมสถาน อ.เมือง โดยมีนายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ รองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ นายอักษรศิลป์ แก้วมาหาวงศ์ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ พร้อมคณะครู บุคลากรวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ และญาติผู้เสียชีวิต มารอรับศพ

นายอักษรศิลป์ แก้วมาหาวงศ์ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ที่ต้องนำศพมารวมในจุดนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ขับรถมาส่งได้หยุดพัก และทำความเข้าใจถึงเส้นทางของแต่ละจุดที่จะไป และให้พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ไม่ได้ไปรับศพได้พบเห็นหน้าลูกหลานก่อนนำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างจิตศรีสะเกษธรรมสถาน ขับรถนำรถขนศพไปส่งตามพื้นที่ต่างๆ

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (30 ก.ย.) ดร.พีระพล พูลทวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะเดินทางมาประชุมให้แนวทางแก้ไขปัญหา เยียวยาผู้ประสบเหตุดังกล่าว และไปเคารพศพ ส่วนในช่วงเย็นจะเดินทางไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพนายศุภพัชชา ดอกโศก ที่บ้านเลขที่ 150 หมู่ 5 ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

ด้านนางภัทรวรรณ ชนกเนตร แม่ของนายเทียนชัย ชนกเมตร หนึ่งในผู้เสียชีวิต บอกว่า รู้ข่าวลูกประมาณตี 03.00 น. ของวันที่ 29 ก.ย. ว่าน้องเสียชีวิตอุบัติเหตุ จนถึงตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ คิดถึงน้องอยู่เสมอ ขอให้วิญญาณน้องกลับมาสู่บ้านเกิด ถ้าเป็นไปได้ชาติหน้าก็ขอให้กลับมาเกิดมาเป็นลูกแม่อีกครั้ง หากเป็นไปได้ขอให้ทางวิทยาลัยช่วยพาตนและครอบครัวน้องๆ ที่ประสบเหตุไปทำพิธีเรียกขวัญนำวิญญาณน้องๆ กลับสู่บ้านเกิดด้วย พร้อมขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ค่อยช่วยเหลือเรื่องต่างๆ จนสามารถนำศพน้องๆ กลับมาสู่บ้านเกิด เบื้องต้นจะตั้งศพสวดอภิธรรมไว้ 3 วัน และเก็บศพน้องไว้เป็นเวลา 3 ปี เพราะตามประเพณีที่ยึดถือมาถ้าผู้เสียชีวิตเสียชีวิตผิดปกติหรือตายโหง จะไม่มีการเผาศพเลย ต้องศพไว้ก่อนแล้วค่อยนำมาทำพิธีเผา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ศพที่นำมา จ.ศรีสะเกษ มีทั้งหมด 11 ศพ ได้แก่ 1.นายศุภพัชชา ดอกโศก 2.นายศุภวัฒน์ มาเสมอ 3. นายโกวิทย์ สิมลี 4.นายสุประชัย วรรณทวี 5.นายอุดม สานุการ 6.นายโชคชัย ทานนท์ 7.นายสุริยัน สีถาน 8.นายเทียนชัย ชนกเนตร  9.นายสุทิน จันทร์สมุท 10.นายจักรพงษ์ มะโนรัตน์ 11.นายวรายุทธ ไชยปัญญา และอีกหนึ่งคนคือนายพรัตน์ ไชยรัตน์ ทางญาติได้นำไป จ.บุรีรัมย์ เพื่อนำไปบำเพ็ญตามประเพณีต่อไป. – สำนักข่าวไทย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

กระบะ นศ.กลับจากเลี้ยงส่งฝึกงานวันสุดท้าย เสียหลักชนเสาไฟ ตาย 13

ผู้ว่าฯ สมุทรปราการเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุถนนกิ่งแก้ว 13 ศพ

ญาติมิตรร่วมอาลัยครอบครัวของนักศึกษาศรีสะเกษเสียชีวิตอุบัติเหตุที่สมุทรปราการ

Big Story : ครอบครัวรับศพ นศ.เทคนิคศรีสะเกษ กระบะพลิกคว่ำ

ย้อนเหตุการณ์! กระบะพลิกคว่ำ นศ.ฝึกงานดับ 13

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มกรุงอีก สูงสุด 107 มม. เขตพระนคร จับตาฝนอีกก้อน

กทม. 6 ก.ย. – ฝนถล่มกรุงเย็นนี้ ปริมาณฝนสูงสุดแตะ 107 มม. ที่เขตพระนคร จับตาฝนอีกก้อน หากไม่อ่อนกำลังจะเคลื่อนตัวเข้า กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์ฝนกรุงเทพมหานคร โดยมีสำนักการระบายน้ำ ร่วมให้ข้อมูล ณ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กทม.2 ดินแดง ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ปริมาณฝนตกหนักไม่แพ้เมื่อวาน เนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านประเทศไทยเป็นตัวดึงเมฆฝนเข้ามา โดยในขณะนี้ (เวลา 17.10 น.) ฝนยังคงตกต่อเนื่องในพื้นที่ชั้นในบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีเมฆฝนอีกกลุ่มกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา คาดว่าหากไม่อ่อนกำลังจะเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ อีกระลอก จากการรายงานพบว่าปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดในรอบ 6 ชั่วโมงอยู่ที่ 107 มิลลิเมตร ที่เขตพระนคร ตามมาด้วย 98.5 มิลลิเมตร ที่เขตวัฒนาและห้วยขวาง ซึ่งถือว่าเกินกว่าขีดความสามารถของระบบระบายน้ำของ กทม. ที่ออกแบบไว้ให้รองรับปริมาณฝนที่ 60 มิลลิเมตร รายงานสถานการณ์ล่าสุดยังพบน้ำท่วมขังในถนนสายหลักและสายรองหลายแห่ง ถนนสายหลัก […]

“อนุทิน” เผยโผ ครม. 100% แล้ว พร้อมเริ่มทำงานทันทีหลังถวายสัตย์ฯ

ภูมิใจไทย 6 ก.ย. – “อนุทิน” เผยโผ ครม. 100% แล้ว พร้อมเริ่มทำงานทันทีหลังถวายสัตย์ปฏิญาณตน ระบุยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ยืนยันจะเปิดเผยเมื่อถึงเวลาสมควร นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยความชัดเจนการจัดโผคณะรัฐมนตรี ว่าหลายๆ อย่างเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ยืนยันว่าความชัดเจนในการจัดสรรนิ่ง 100% แล้ว ทุกคนที่มาทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีทราบดีถึงเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ โดยจะต้องเริ่มทำงานทันทีหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ส่วนความชัดเจนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ยังปฏิเสธที่จะเปิดเผย ระบุว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ยืนยันว่าไม่มีการปิดบังซ่อนเร้น เมื่อถึงเวลาสมควร ไม่เป็นการก้าวล่วงใดๆ ก็จะรีบเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ เพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน จะไม่ดำเนินการใดๆ ลับหลังประชาชน และจะให้ได้รับทราบร่วมกัน เพื่อออกความเห็นให้รัฐบาลได้รับฟัง และรัฐบาลจะได้ปฏิบัติตาม นายอนุทิน ยังยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคน จะต้องมีคุณสมบัติไม่ขัดต่อกฎหมายและข้อจำกัด จะต้องทุ่มเททำงานด้วยความรู้ความสามารถ เป็นมืออาชีพ ซึ่งมีทั้งทหาร พลเรือน อส. นายกองใหญ่.-314-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” โชว์ตัวว่าที่ รมต.ทีมเศรษฐกิจ ล้อมวงกินเค้กส้ม

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “อนุทิน” โชว์ตัว ว่าที่ 3 รมต.ทีมเศรษฐกิจป้ายแดง ล้อมวงกินเค้กส้ม “เอกนิติ” นั่งขุนคลัง เตรียมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ปล่อยฟื้นคนละครึ่งกระแสเต็มฟีด ขณะ “สีหศักดิ์” เตรียมนั่ง รมว.กต. มั่นใจชื่อนี้นานาชาติยอมรับ รับเผือกร้อนแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “อรรถพล” อดีต CEO ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน ทำงานได้เลยไม่ต้องรำมวย ยอมรับเก้าอี้กลาโหม ต้องมีความรู้ในวิชาชีพ ปัดตอบชิงดำ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดื่มกาแฟร่วมกันที่ร้านจานิสตาร์ ชั้น 1 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังหารือร่วมกันที่บริเวณชั้นบน ทั้งนี้ คาดว่านายสีหศักดิ์ ถูกทาบทาม […]

รัฐมนตรีส่ง จนท.ทยอยขนของออกจากทำเนียบ

ทำเนียบ 6 ก.ย. – รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิม ส่งเจ้าหน้าที่ทยอยขนของออกจากทำเนียบรัฐบาล​ หลัง​สภาฯ โหวตเลือก “อนุทิน​” นั่งนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มมีการทยอยขนของออกจากทำเนียบรัฐบาล หลังสภาฯ มีมติโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บรรดารัฐมนตรีและทีมงานของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ส่งทีมงานทยอยเก็บของ ก่อนเวลาประมาณ​ 10.00 น.​ พบรถบรรทุก​ 6 ล้อ​ คลุมผ้าใบทึบ ออกจากบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า​ รวมไปถึงมีเจ้าหน้าที่มาล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาเครื่องปรับอากาศใหม่ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า และตึกบัญชาการ 1 และมีการขนภาพวาดติดฝาผนังออกจากห้องทำงานของนางสาวหทัย ทิวไผ่งาม​ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ แม้ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์​ มีการแจ้งเตรียมขนของของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิมออก ทั้งวันเสาร์และอาทิตย์.-314-สำนักข่าวไทย