กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ส.ค.อยู่ที่ 92.8 ต่ำสุดในรอบ 10 เดือน เร่งรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม 2562 ว่า อยู่ที่ระดับ 92.8 ปรับตัวลดลงจากระดับ 93.5 ในเดือนกรกฎาคม และต่ำสุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 โดยพบว่ามีสาเหตุมาจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อกำลังซื้อภายในประเทศที่ชะลอตัวลงเกือบทุกภูมิภาค เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่าย ผู้ประกอบการมีภาวะการแข่งขันสูง
ขณะที่เงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาคการส่งออก ประกอบกับปลายเดือนสิงหาคมมีพายุฝนตกหนักและน้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ยืดเยื้อ มีการเปิดสงครามการค้ารอบใหม่แม้จีนจะปรับลดสินค้านำเข้าจากสหรัฐไปแล้ว 16 รายการ แต่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนได้
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอีก 3 เดือนข้างหน้า คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 102.9 เพิ่มขึ้นจาก 102.3 ในเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 จะมีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศของภาครัฐ คาดว่าจะส่งผลดีต่อยอดขายและยอดคำสั่งซื้อของผู้ประกอบการ
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการเดือนสิงหาคม 2562 จากการสำรวจพบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลกสูงที่สุด ถึงร้อยละ 71.6 รองลงมาเป็นอัตราแลกเปลี่ยนในมุมมองของผู้ส่งออก ร้อยละ 56.7 โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เฉลี่ยเดือนสิงหาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 30.94 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยเดือนกรกฎาคม ที่ 30.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับข้อเสนอต่อภาครัฐ คือ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง 1-2 ปี และมาตรการระยะยาว เช่น การลงทุนระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อเกษตรกร การจัดโซนนิ่งพืชผลการเกษตร ซึ่งจะช่วยให้ภาคเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้นระยะยาว รวมทั้งการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมเทรนด์ใหม่ ๆ เช่น อุตสาหกรรมกีฬาและสินค้าผู้สูงอายุ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย