คุก 2 เดือน “ระพิพรรณ” ยื่นหนี้เท็จ – ริบทรัพย์ 42 ล้าน

กทม. 16 ก.ย.- ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาจำคุก “ระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง” 2 เดือน ยื่นหนี้เท็จ – ริบทรัพย์ 42 ล้าน รวยผิดปกติ พร้อมออกหมายจับมาบังคับโทษ โดยไม่มีอายุความ


ศาลฎีกาวันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะผู้พิพากษานัดอ่านคำพิพากษา คดียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้ร้อง ได้ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยว่านางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยาของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 และมีบทลงโทษทางอาญา มาตรา 119 ซึ่งนางระพิพรรณ ทราบนัดโดยชอบแล้ววันนี้ ตัวไม่มาศาล ศาลจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 40 วรรคสองอ่านคำพิพากษาลับหลัง ผู้ถูกกล่าวหา และถือว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบคำพิพากษาแล้ว


ศาลเห็นว่านางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหา แสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยระบุว่ามีหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ คือสัญญาที่นางระพีพรรณ กู้ยืมเงินจำนวน 3 ฉบับ รวม 13 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการกู้ยืมเงินกันจริง แสดงรายได้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 15 ล้านบาท โดยนางระพีพรรณไม่ได้รับเงินจริง แสดงรายได้จากสัญญาจ้างทำของของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง คู่สมรส จำนวน 27 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักน่าเชื่อ ว่านายอริสมันต์ได้มีการรับจ้างงานดังกล่าวจริง ดังนั้นจึงเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ การกระทำดังกล่าวทำขึ้นเพื่อปกปิดอำพรางแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ของนางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหาและนายอริสมันต์ คู่สมรส

นอกจากนี้นางระพิพรรณ ไม่ได้ระบุในบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ว่าเงินลงทุนของผู้ถูกกล่าวหาในบริษัทเฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ 2012 จำกัด มูลค่า 25 ล้านบาท เป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้น จึงทำให้เข้าใจว่าผู้ถูกกล่าวหานำเงินไปลงทุนในบริษัทตามมูลค่าหุ้นดังกล่าว อันเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา จึงมีความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินตามคำร้อง


ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกนางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และห้ามไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ขณะที่ศาลได้ออกหมายจับ ให้ติดตามตัว นางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหา มาบังคับตามคำพิพากษาโดยไม่มีกำหนดอายุความด้วย

จากนั้น ในเวลา 15.30 น. องค์คณะผู้พิพากษา คดีริบทรัพย์ ที่อัยการสูงสุด ผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพยสินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนางระพิพรรณ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พท. รวมมูลค่า 42,816,226 บาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 38 ซึ่งมี น.ส.จันทาภา พิษณุไวศยวาท ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของของทรัพย์สินบางรายการ เป็นผู้คัดค้านที่ 1 , บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้คัดค้านที่ 2 , นายอริสมันต์ คู่สมรส เป็นผู้คัดค้านที่ 3

กรณีนี้ สืบเนื่องจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนางระพิพรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมมูลค่า 42,816,226.64 บาท ซึ่ง ป.ป.ช.ส่งสำนวนเอกสารหลักฐานให้อัยการยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้นางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาเช่นกัน แต่มอบหมายให้ทนายความ มาฟังคำพิพากษาแทน

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการที่จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินหรือหนี้สิน เมื่อพ้นตำแหน่ง ว่าเพิ่มขึ้นผิดปกติไปจากกรณีเข้ารับตำแหน่งหรือไม่นั้น ตามธรรมดาย่อมจะต้องพิจารณาถึงเหตุแห่งการได้มา การโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินในระหว่างดำรงตำแหน่งนั้นมีอย่างไร ซึ่งศาลพิจารณาข้อเท็จจริงตามที่นางระพิพรรณ มีภาระการพิสูจน์แล้ว พบว่าผู้ถูกกล่าวหามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญรวม 42,816,226.64 บาท

สำหรับรถยนต์ BMW รุ่น 730 Ld เลขทะเบียน ถ-8988 (ป้ายแดง) ฟังได้ว่า บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามคำร้อง ที่ได้ให้นางระพิพรรณ เช่าซื้อรถยนต์ไป ตามธรรมดาทางการค้าปกติย่อมไม่อาจทราบได้ว่าเงินที่ชำระค่ารถยนต์ที่เช่าซื้อจะมาจากทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งต่อมาเมื่อผู้ถูกกล่าวหาผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ บริษัทผู้คัดค้านที่ 2 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและฟ้องร้องจนศาลแพ่งมีคำพิพากษาแล้ว เมื่อผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของ ย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อคืนได้ การยื่นคำคัดค้านขอคืนรถยนต์ตามคำร้องเพื่อประโยชน์ของตนไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา จึงสมควรคืนรถยนต์ของกลางให้แก่บริษัทผู้คัดค้านที่ 2

ศาลจึงพิพากษาให้ทรัพย์สินมูลค่า 42,816,226.64 บาท พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้นตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 , 38 ประกอบมาตรา 83 โดยให้คืนรถยนต์ BMW แก่บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทรัพย์สิน ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่าเพิ่มขึ้นผิดปกติของนางระพิพรรณ ดังนี้ เงินฝากธนาคาร 6 บัญชี จำนวนเงิน 27,618,954 บาท, ที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 9,492,000 บาท สิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง มูลค่า 2 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 1,805,272 บาท และเงินที่นำมาชำระหนี้เงินกู้ธนาคาร จำนวนเงิน 1.9 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง สามีของนางระพิพรรณ ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาฯ ก็ได้มีคำสั่งให้ออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาร่วมกระบวนพิจารณาคดี กรณีที่ถูกกล่าวหาร่วมทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรด้วย หลังจากที่ไม่ได้มาศาลในวันไต่สวนพยานฝั่งของอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา นอกจากนี้นายอริสมันต์ ยังมีหมายจับของศาลจังหวัดพัทยาด้วย ที่ให้ติดตามจับกุมตัวนายอริสมันต์จำเลยที่ 1 มาร่วมฟังคำพิพากษาฎีกา คดีร่วมกับกลุ่มแกนนำ นปช. 13 ราย ที่ได้ร่วมกันบุกรุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พีทยา ขัดขวางการประชุมอาเซียน ซัมมิทปี 2552 ซึ่งศาลกำหนดนัดฟังคำพิพากษาฎีกาในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เวลา 09.00 น..-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]