คุก 2 เดือน “ระพิพรรณ” ยื่นหนี้เท็จ – ริบทรัพย์ 42 ล้าน

กทม. 16 ก.ย.- ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาจำคุก “ระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง” 2 เดือน ยื่นหนี้เท็จ – ริบทรัพย์ 42 ล้าน รวยผิดปกติ พร้อมออกหมายจับมาบังคับโทษ โดยไม่มีอายุความ


ศาลฎีกาวันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะผู้พิพากษานัดอ่านคำพิพากษา คดียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้ร้อง ได้ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยว่านางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยาของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 และมีบทลงโทษทางอาญา มาตรา 119 ซึ่งนางระพิพรรณ ทราบนัดโดยชอบแล้ววันนี้ ตัวไม่มาศาล ศาลจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 40 วรรคสองอ่านคำพิพากษาลับหลัง ผู้ถูกกล่าวหา และถือว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบคำพิพากษาแล้ว


ศาลเห็นว่านางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหา แสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยระบุว่ามีหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ คือสัญญาที่นางระพีพรรณ กู้ยืมเงินจำนวน 3 ฉบับ รวม 13 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการกู้ยืมเงินกันจริง แสดงรายได้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 15 ล้านบาท โดยนางระพีพรรณไม่ได้รับเงินจริง แสดงรายได้จากสัญญาจ้างทำของของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง คู่สมรส จำนวน 27 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักน่าเชื่อ ว่านายอริสมันต์ได้มีการรับจ้างงานดังกล่าวจริง ดังนั้นจึงเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ การกระทำดังกล่าวทำขึ้นเพื่อปกปิดอำพรางแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ของนางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหาและนายอริสมันต์ คู่สมรส

นอกจากนี้นางระพิพรรณ ไม่ได้ระบุในบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ว่าเงินลงทุนของผู้ถูกกล่าวหาในบริษัทเฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ 2012 จำกัด มูลค่า 25 ล้านบาท เป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้น จึงทำให้เข้าใจว่าผู้ถูกกล่าวหานำเงินไปลงทุนในบริษัทตามมูลค่าหุ้นดังกล่าว อันเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา จึงมีความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินตามคำร้อง


ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกนางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และห้ามไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ขณะที่ศาลได้ออกหมายจับ ให้ติดตามตัว นางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหา มาบังคับตามคำพิพากษาโดยไม่มีกำหนดอายุความด้วย

จากนั้น ในเวลา 15.30 น. องค์คณะผู้พิพากษา คดีริบทรัพย์ ที่อัยการสูงสุด ผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพยสินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนางระพิพรรณ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พท. รวมมูลค่า 42,816,226 บาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 38 ซึ่งมี น.ส.จันทาภา พิษณุไวศยวาท ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของของทรัพย์สินบางรายการ เป็นผู้คัดค้านที่ 1 , บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้คัดค้านที่ 2 , นายอริสมันต์ คู่สมรส เป็นผู้คัดค้านที่ 3

กรณีนี้ สืบเนื่องจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนางระพิพรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมมูลค่า 42,816,226.64 บาท ซึ่ง ป.ป.ช.ส่งสำนวนเอกสารหลักฐานให้อัยการยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้นางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาเช่นกัน แต่มอบหมายให้ทนายความ มาฟังคำพิพากษาแทน

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการที่จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินหรือหนี้สิน เมื่อพ้นตำแหน่ง ว่าเพิ่มขึ้นผิดปกติไปจากกรณีเข้ารับตำแหน่งหรือไม่นั้น ตามธรรมดาย่อมจะต้องพิจารณาถึงเหตุแห่งการได้มา การโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินในระหว่างดำรงตำแหน่งนั้นมีอย่างไร ซึ่งศาลพิจารณาข้อเท็จจริงตามที่นางระพิพรรณ มีภาระการพิสูจน์แล้ว พบว่าผู้ถูกกล่าวหามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญรวม 42,816,226.64 บาท

สำหรับรถยนต์ BMW รุ่น 730 Ld เลขทะเบียน ถ-8988 (ป้ายแดง) ฟังได้ว่า บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามคำร้อง ที่ได้ให้นางระพิพรรณ เช่าซื้อรถยนต์ไป ตามธรรมดาทางการค้าปกติย่อมไม่อาจทราบได้ว่าเงินที่ชำระค่ารถยนต์ที่เช่าซื้อจะมาจากทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งต่อมาเมื่อผู้ถูกกล่าวหาผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ บริษัทผู้คัดค้านที่ 2 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและฟ้องร้องจนศาลแพ่งมีคำพิพากษาแล้ว เมื่อผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของ ย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อคืนได้ การยื่นคำคัดค้านขอคืนรถยนต์ตามคำร้องเพื่อประโยชน์ของตนไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา จึงสมควรคืนรถยนต์ของกลางให้แก่บริษัทผู้คัดค้านที่ 2

ศาลจึงพิพากษาให้ทรัพย์สินมูลค่า 42,816,226.64 บาท พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้นตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 , 38 ประกอบมาตรา 83 โดยให้คืนรถยนต์ BMW แก่บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทรัพย์สิน ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่าเพิ่มขึ้นผิดปกติของนางระพิพรรณ ดังนี้ เงินฝากธนาคาร 6 บัญชี จำนวนเงิน 27,618,954 บาท, ที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 9,492,000 บาท สิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง มูลค่า 2 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 1,805,272 บาท และเงินที่นำมาชำระหนี้เงินกู้ธนาคาร จำนวนเงิน 1.9 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง สามีของนางระพิพรรณ ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาฯ ก็ได้มีคำสั่งให้ออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาร่วมกระบวนพิจารณาคดี กรณีที่ถูกกล่าวหาร่วมทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรด้วย หลังจากที่ไม่ได้มาศาลในวันไต่สวนพยานฝั่งของอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา นอกจากนี้นายอริสมันต์ ยังมีหมายจับของศาลจังหวัดพัทยาด้วย ที่ให้ติดตามจับกุมตัวนายอริสมันต์จำเลยที่ 1 มาร่วมฟังคำพิพากษาฎีกา คดีร่วมกับกลุ่มแกนนำ นปช. 13 ราย ที่ได้ร่วมกันบุกรุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พีทยา ขัดขวางการประชุมอาเซียน ซัมมิทปี 2552 ซึ่งศาลกำหนดนัดฟังคำพิพากษาฎีกาในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เวลา 09.00 น..-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]