รัฐสภา 4 ก.ย.- เทวัญ รับปากกลางสภาฯ หลังจากนี้ไม่มีทุจริตเงินทอนวัดเกิดขึ้นอีก พร้อมแจงความคืบหน้า ป.ป.ช.ตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดเสร็จแล้ว 32 เรื่อง
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถามทั่วไปถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัด ของนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ว่า หลังจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์เงินทอนวัดอีก ด้านนายนิยมก็พยักหน้ารับทราบในทันที
จากนั้น นายเทวัญ ชี้แจงความคืบหน้าคดีดังกล่าวอีกว่า ได้รับรายงานจากตำรวจ ทั้งดีเอสไอ กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ว่า ส่วนใหญ่พระเถรผู้ใหญ่ได้รับการประกันตัวได้ ปัจจุบันความคืบหน้าการตรวจสอบที่เป็นเรื่องร้องเรียนอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งหมด 91 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการของ ป.ป.ช. 58 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ 32 เรื่อง ป.ป.ช.มีมติไม่รับ 1 เรื่อง อยู่ระหว่างการสืบสวนของกองปราบ 2 เรื่อง บก.ปปป.ดำเนินการสอบสวนการดำเนินคดีแล้ว 46 เรื่อง อยู่ระหว่างสอบสวนในส่วนของ ปปป.อีก 6 เรื่อง
จากการสอบสวนของปปป.พบผู้กระทำผิดทั้งหมด 34 คน เป็นเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนา 15 คน พระ 11 รูป ประชาชน 8 คน วงเงินทุจริตทั้งหมด 351,700,635 บาท ยึดทรัพย์มาได้แล้ว 228 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินอุดหนุนศึกษาพระปริยัติธรรม 115 ล้านบาท เงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา 127 ล้านบาท เงินอุดหนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์ 108 ล้านบาท
ส่วนคำถามที่ระบุว่า เหตุใดมีวัดถูกดำเนินคดีเพียงแค่สองวัด ทั้งที่มีโครงการเหล่านี้ในหลายวัดนั้น นายเทวัญ ยอมรับว่า ตนเพิ่งมารับตำแหน่งในข้อคำถามที่ว่า จึงไม่ทราบในรายละเอียดของวัดที่เหลือ หลังจากนี้ จะรีบไปตรวจสอบว่า เหตุใดวัดที่เหลือยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีหรืออย่างไร ทั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
นายนิยม ได้สอบถามถึงสำนักพุทธฯยังจัดสรรงบประมาณ 70 กว่าล้านบาท ให้ 4 หน่วยงาน คือ ป.ป.ช. 3 ล้านบาท สำนักงานส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมที่ตั้งอยู่วัดสระเกศฯ ซึ่งแต่งตั้งโดยเถรสมาคม 20,950,000 บาท สำนักงานศาลยุติธรรม 5 ล้านบาท และสำนักงานอัยการสูงสุด 2 ล้านบาท จึงตั้งคำถามว่า สำนักงานเหล่านี้มีสิทธิ์รับเงินจากสำนักพุทธฯ ด้วยหรือไม่ แต่เหตุใดจึงดำเนินคดีเพียงวัดสระเกศฯ
นายเทวัญ ชี้แจงว่า เป็นเรื่องของงบประมาณปีก่อน ๆ ตนจะรับเรื่องนี้ไว้และจะแจ้งข้อมูลมายังประธานสภาฯต่อไปว่าเหตุใดสำนักพุทธฯ จึงจัดสรรงบประมาณไปแต่ละหน่วยงาน ส่วนพระพรหมเมธี หากจะกลับมาต่อสู้คดีในไทยและเป็นห่วงใยความปลอดภัยนั้น ยืนยันว่า หากกลับมาสู้คดีก็จะได้รับความปลอดภัยเหมือนกับพระทุกรูปเหมือนประชาชนคนไทย โดยจะดูแลเป็นพิเศษ ยินดีที่จะไปรับที่สนามบินให้ความเป็นธรรมสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ .-สำนักข่าวไทย