กรุงเทพฯ 4 ก.ย. – บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด คาดเฟดหั่นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ กดดัน กนง.ลดดอกเบี้ยไตรมาส 4 ปีนี้ อีกร้อยละ 0.25 ส่วนแนวโน้มหุ้นไทยปีนี้แกว่งตัวระหว่าง 1,570-1,730 จุด
นายพงศ์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าการลงทุนตราสารหนี้ประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ( บลจ.) อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ๆ ละร้อยละ 0.25 รวมเป็นร้อยละ 0.50 เนื่องจากถูกแรงกดดันจากการเมืองสหรัฐ โดยเฉพาะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกมากดดันให้เฟดลดดอกเบี้ยลงอีก ก่อนเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งสหรัฐปีหน้า ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐแม้จะชะลอตัวลง แต่ไม่ถึงภาวะถดถอยอย่างที่นักลงทุนวิตก
ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะลดดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จากปัจจุบันร้อยละ 1.50 ลงไปที่ร้อยละ 1.25 เพื่อลดแรงกดดันจากภาวะค่าเงินบาทแข็งค่า คาดว่าสิ้นปีนี้เงินบาทน่าจะอยู่ที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
“ภาวะดอกเบี้ยต่ำ แนะนำการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นอายุ 1-5 ปี เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังน่าสนใจ ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 1.40 ซึ่งใกล้เคียงกับพันธบัตรระยะยาวอายุ 20 ปี อยู่ที่ร้อยละ 1.50 แต่ระยะเวลาการถือครองพันธบัตรสั้นกว่ามาก” นายพงศ์ธาริน กล่าว
นายออเสน การบริสุทธิ์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุน-ตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2562 คาดว่าจะแกว่งตัวระหว่าง 1,570-1,730 จุด หรือบวก ลบ ร้อยละ 5 จากระดับปัจจุบันที่ 1,650 จุด โดยดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวตามหุ้นต่างประเทศ ซึ่งถูกกดดันจากความตึงเครียดสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ความไม่แน่นอนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ( Brexit) และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งยังกดดันหุ้นทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาร้อยละ 5 ซึ่งถือว่าดีเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค แม้ว่าไตรมาส 2/2562 ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตลดลงบ้าง เพราะบริษัทจดทะเบียนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการตั้งสำรองการเกษียณอายุของพนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่ แต่ภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีตามผลสำรวจของสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน คาดว่ากำไร บจ.ปีนี้โตร้อยละ 11 และปี 2563 โตร้อยละ 10 โดยอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิอยู่ที่ 15 เท่า และปี 2563 อยู่ที่ 14 เท่า โดยมองว่าหากดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงถือเป็นโอกาสลงทุน กลุ่มที่น่าสนใจ คือ ค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง โรงพยาบาล
ด้านนายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย บลจ. อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าต่อไปได้ และเห็นว่าประเทศไทยยังคงเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง.-สำนักข่าวไทย