ดราม่าปู่ทวด 128 ปี ความจริงอายุ 88 จนท.เขียน พ.ศ.เกิดผิด

อุดรธานี 30 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีข่าว “ปู่ทวดอ้อน” อายุมากถึง 128 ปี พบความผิดพลาดตรงปี พ.ศ.เกิด ความจริงแล้วปู่ทวดอายุเพียง 88 ปีเท่านั้น


เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย เดินทางไปยังที่ว่าการ อ.ไชยวาน เพื่อเข้าพบนายอรรถพล พันธุศาสตร์ นายอำเภอไชยวาน เพื่อขอตรวจสอบเรื่องราวและข้อเท็จจริง หลังก่อนหน้านี้ คุณปู่ทวดอ้อน ผ่านชมภู ตามบัตรประชาชนแจ้งว่า เกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2434 ซึ่ง “ปู่ทวดอ้อน” มีอายุตามบัตรประชาชนถึง 128 ปี และอาจเป็นคนอายุยืนคนหนึ่งในประเทศไทย โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ปู่ทวดอ้อน อายุไม่น่าจะถึง 128 ปีจริง


หลังจากตกเป็นข่าวและถูกวิพากษ์วิจารณ์ นายอรรถพล พันธุศาสตร์ นายอำเภอไชยวาน มีคำสั่งให้ทำการตรวจสอบ เมื่อได้รับรายงานจากฝ่ายปกครองว่า ในการสำรวจผู้สูงอายุเกินกว่า 100 ปี ของ อ.ไชยวาน พบว่า อายุของปู่ทวดอ้อนน่าจะไม่ถูกต้อง และเกิดขึ้นมานานแล้ว เบื้องต้นพบว่า ปู่ทวดอ้อนย้ายภูมิลำเนาข้ามอำเภอ เพราะภรรยาถึงแก่กรรม และมีภรรยามาแล้ว 3 คน ซึ่งจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เพื่อนที่เกณฑ์ทหารด้วยกันยังมีชีวิตอยู่ ได้เชิญมาพบกันและยังจดจำกันได้ เชื่อว่าอายุจริงของปู่ทวดอ้อน คือ 88 ปี 


นายอรรถพล พันธุศาสตร์ นายอำเภอไชยวาน ให้ข้อมูลว่า ได้ให้แต่ละอำเภอสำรวจคนที่มีอายุเกิน 100 ปี โดยเจ้าหน้าที่ของเทศบาลแต่ละแห่งออกสำรวจ ครั้งแรกตนไปเยี่ยมปู่ทวดอ้อน ขอดูบัตรประชาชน เมื่อไปถึงดูแล้วคิดว่า อายุจริงของปู่ทวดอ้อนน่าจะไม่ถึง 128 ปี เพราะจากสภาพของปู่ไม่น่าจะอายุเกิน 100 ปี จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทะเบียนของสำนักงานเทศบาลตำบลโพนสูง ตรวจสอบอายุของปู่ทวดอ้อน หากผิดพลาดจะได้แก้ไขใหม่ แต่ทางเทศบาลตำบลโพนสูงไม่ได้แก้ไข เพราะติดขัดเรื่องที่ปู่ทวดอ้อน เกิดที่ อ.ศรีธาตุ แต่ย้ายมาอยู่ที่ อ.ไชยวาน และการจะแก้ไขข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ต้องหาทะเบียนบ้านแบบเก่า หรือ ท.ร.14 พ.ศ. 2499 ซึ่งเป็นแผ่นกระดาษพับ 3 ส่วน แต่หาไม่เจอแล้ว 

ปัจจุบันทะเบียนบ้าน ฉบับ พ.ศ. 2499 เลิกใช้แล้ว ที่ใช้ตอนนี้ คือ ทะเบียนบ้าน หรือ ท.ร.14 ฉบับ พ.ศ. 2515 ซึ่งในทะเบียนบ้าน ฉบับ พ.ศ. 2515 ปู่ทวดอ้อนเกิด พ.ศ. 2434 จริง ตนมองว่าน่าจะมีอะไรผิดพลาดตรงทะเบียนบ้าน หรือ ท.ร.14 ฉบับ พ.ศ. 2499 ฉบับเดิมแน่นอน เมื่อเจ้าหน้าที่หาทะเบียนแบบเก่าไม่เจอ ก็ต้องหาพยานหลักฐานบุคคลมา เพื่อยืนยันอายุของปู่ทวดอ้อน ตนเองได้เดินทางไปยังบ้านนาฮี ต.หัวนาคำ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เพื่อสอบถามข้อมูลจากเพื่อนหรือญาติของปู่แน ที่คาดว่าอายุจะต้องใกล้เคียงกับปู่อ้อน หรือหาใครที่พอจะรู้จัก จนสุดท้ายได้พบกับปู่ใบ ศรีอ่อน อายุ 87 ปี บอกว่า เป็นเพื่อนกับปู่อ้อน อายุห่างกัน 1 ปี สมัยก่อนเคยไปเกณฑ์ทหารด้วยกันที่ อ.กุมภวาปี ประมาณปี พ.ศ. 2494 เมื่อได้พยานบุคคลแล้ว ตนจึงพาปู่ใบมาหาปู่อ้อนที่บ้าน และเมื่อทั้งสองเจอกันก็กอดคอกันทันที บอกว่าเป็นเพื่อน จำกันได้ ดังนั้น จึงชัดเจนว่า ปู่อ้อนไม่ได้อายุยืน 128 ปี แน่นอน

นายอำเภอไชยวาน บอกอีกว่า สำหรับความผิดพลาดนั้น น่าจะเกิดปัญหาตรงปี พ.ศ.เกิดของปู่อ้อน ไล่มาตั้งแต่ทะเบียนบ้าน ฉบับ พ.ศ. 2499 คนกรอกข้อมูลสมัยก่อนอาจจะลง พ.ศ.เกิดของปู่อ้อน ที่เขียนด้วยเลขไทย คือ พ.ศ. ๒๔๗๔ แต่หางเลขเจ็ดไทยอาจขาดไป หรือเพราะสาเหตุใดไม่ทราบ ทำให้คนที่เขียน พ.ศ.เกิดของปู่อ้อน จาก พ.ศ. ๒๔๗๔ กลายเป็น พ.ศ. ๒๔๓๔ ไปโดยปริยาย พอไล่มาถึงทะเบียนบ้านฉบับที่ปู่อ้อนใช้อยู่ คือ พ.ศ. 2515 ปู่อ้อนก็ยังเกิด พ.ศ. 2434 เรื่อยมา แต่พอเป็นข่าว เพื่อความชัดเจนเรื่องอายุ จึงต้องมีการตรวจสอบเพื่อแก้ไขใหม่

ล่าสุดนางวรินทร ศิลปะรายะ รองปลัดเทศบาลฯ รักษาการแทนนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพนสูง ได้พาปู่อ้อนมาทำบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ระบุว่า เกิดวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2474 อายุ 88 ปี ก่อนถ่ายภาพทำบัตรประชาชน และให้ปู่ทวดอ้อนพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่เกิดอุปสรรคพิมพ์ไม่ได้ เจ้าหน้าที่และญาติต้องช่วยเช็ดนิ้วมือให้ใหม่ ซึ่งต้องพิมพ์ลายนิ้วมือมากกว่า 20 ครั้ง จึงสามารถพิมพ์ได้ สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน รวมทั้งปู่ทวดอ้อน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย