ชลบุรี 29 ส.ค.- ความคืบหน้าเหตุ อส.ทำร้ายเด็กแว้น ในโรงพยาบาล ภรรยา อส.ที่ถูกเด็กแว้นชนอาการสาหัส ยอมรับรู้สึกโกรธและแค้นใจ โดยหลังเกิดเหตุก็ไม่มีญาติหรือครอบครัวผู้ก่อเหตุมาเยี่ยมหรือติดต่อมา ขณะที่ อส.ที่ทำร้ายเด็กแว้น ยังเก็บตัวเงียบ
ความคืบหน้าเหตุ อส.ทำร้ายเด็กแว้น ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา ในวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา จนเป็นกระแสข่าวที่โด่งดัง แต่นายภิภัฎก์ษัตญา ถิรวิวัฒน์กุล หรือตัวเล็ก ผู้ก่อเหตุ ยังคงเก็บตัวเงียบไม่ออกมาตอบโต้ใดๆ โดยให้เหตุผลว่า นายสั่งให้อยู่เฉยๆ
ในส่วนของครอบครัวนายขวัญชัย ช่างเหล็ก อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน อ.เมืองชลบุรี ที่ถูกเด็กแว้นขี่รถพุ่งชนจนสาหัสนั้น นางอนงค์นาถ ช่างเหล็ก อายุ 56 ปี ภรรยา เปิดเผยว่า หลังจากสามีต้องถูกเด็กแว้นชน ชีวิตก็เปลี่ยนไป จากที่เคยทำงานขายข้าวอยู่ในมหาวิทยาลัยบูรพา ก็ต้องหยุดขาย เพราะในทุกๆ เช้า 06.00 น. ต้องนั่งรถสองแถวไปเฝ้าสามีที่โรงพยาบาลชลบุรี เพราะทางโรงพยาบาลเปิดให้เยี่ยม 07.00-08.00 น. จากนั้นก็นั่งรถสองแถวกลับมาที่บ้านน้องสาว เพื่อมารับจ้างลูกของน้องสาวเลี้ยงหลาน ยอมรับว่าเรื่องเงินก็ขัดสน เพราะต้องใช้เงินเก็บของตัวเองในการเดินทางไปเฝ้าทุกวัน รู้สึกโกรธและแค้นใจที่ครอบครัวตนต้องมาเจอแบบนี้ หากตนอยู่ในเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิป ตนก็อาจจะต้องทำแบบเดียวกันที่ อส.ทำร้ายเด็กแว้น
นางอนงค์นาถ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุก็ไม่มีญาติหรือครอบครัวผู้ก่อเหตุมาเยี่ยมหรือติดต่อมาแต่อย่างใด อยากฝากถึงเด็กแว้นคนดังกล่าว ว่าได้ทำให้ครอบครัวคนอื่นเขาเดือดร้อน เขาไม่ใช่ตัวคนเดียว มีพ่อ มีแม่ มีเมียมีลูก มาทำแบบนี้ครอบครัวเขาเดือดร้อนแค่ไหน หากออกมาจากเรือนจำควรที่จะหยุดการกระทำแบบนี้
รมว.มหาดไทย ย้ำผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษ ไม่ปกป้อง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ อส.(สำรอง) เข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ขี่จักรยานยนต์ภายในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งชนเพื่อนเจ้าหน้าที่ อส.ที่ตั้งด่านตรวจ ว่าขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษ ไม่มีการปกป้องหรือเข้าข้างอย่างแน่นอน
ส่วนการประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ วันนี้ได้ย้ำเรื่องของการปฏิบัติตน และปฏิบัติงาน ว่าต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายเป็นหลัก จะใช้วิจารณญาณ หรือความรู้สึกไม่ได้ ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยื่งต้องตระหนักวางตัว และควบคุมอารมณ์ อย่างเหมาะสม ไม่มีสิทธิใช้กำลังทำร้ายคนอื่น.-สำนักข่าวไทย