fbpx

เตรียมเสนอศาลอนุมัติหมายจับ2คนร้ายร่วมปล้นห้างทอง อ.นาทวี สงขลา

กรุงเทพฯ 29 ส.ค.- ชัดแล้ว 2 คนร้ายร่วมปล้นห้างทอง”สุธาดา”ใน อ.นาทวี จ.สงขลา เตรียมเสนอศาลอนุมัติหมายจับ


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี ปล้นร้านทอง บริเวณตลาดทวี อ.นาทวี ในพื้นที่ สภ.นาทวี จว.สงขลา หลังได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ว่า จากสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งการสอบสวนพยานบุคคล , ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ , ผลการตรวจ DNA และหลักฐานอื่นๆมาประกอบ จนสามารถระบุตัวคนร้ายได้แล้ว 2 คน และรู้ตัวว่าคนร้ายเป็นใคร เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน จากข้อมูลพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นกลุ่มใหญ่ที่เคยก่อเหตุในพื้นที่หลายคดี นอกเหนือจากคนร้ายที่เป็นกลุ่มพื้นที่นาทวี สะบ้าย้อย จ.สงขลาแล้ว ยังมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายในพื้นที่ อ.หนองจิก อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ด้วย โดยขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ


ในส่วนทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายไปนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้ทางเจ้าของร้านทอง ตรวจสอบโดยละเอียด เปรียบเทียบกับบัญชีทองคำรูปพรรณและทองคำแท่งที่ถูกปล้นไป พบว่ามีน้ำหนักประมาณ 2,000 บาท หรือมูลค่ากว่า 49,000,000 บาท

รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ได้เร่งกันทำงานตลอดเวลา เพื่อพิสูจน์ทราบถึงตัวคนร้ายที่ก่อเหตุรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีตามกฎหมาน

พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เร่งสืบสวน ติดตาม จับกุม กลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมา ประกอบกับได้เน้นย้ำและกำชับ ทุกกองบัญชาการ ในมาตรการป้องกันอาชญากรรม เพื่อไม่ให้มีเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยให้มีมาตรการเพิ่มความเข้มในการออกตรวจพื้นที่สุ่มเสี่ยง จุดล่อแหลม ธนาคาร ร้อนทอง ร้านสะดวกซื้อ ต่างๆ อีกทั้งการทำประวัติบุคคลเฝ้าระวัง การประชาสัมพันธ์ถึงภัยของมิจฉาชีพให้กับประชาชน รวมถึงการป้องกันเหตุดังกล่าว


โดยหากเกิดเหตุขึ้นในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาได้โดยเร็ว และดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดี ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ เพื่อเยียวยาความเสียหาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว นักลงทุน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย