กทม.28 ส.ค.-กทม.ติดตามและเตรียมมาตรการพร้อมรับมือสถานการณ์พายุโซนร้อน ‘โพดุล’ พร้อมรายงานแจ้งเตือนประชาชนผ่านหลายช่องทาง
นายณรงค์ เรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศ โดยตรวจพบพายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นโซนร้อน “โพดุล” และกำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันที่28 ส.ค. 62 นั้น กรุงเทพมหานคร โดยศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร สำนักการระบายน้ำ จึงได้เฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศ และใช้เรดาร์ตรวจจับกลุ่มฝนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรายงานแจ้งเตือนสถานการณ์ฝนให้ประชาชนได้รับทราบตลอดเวลาทางเว็บไซต์ http://dds.bangkok.go.th
เฟซบุ๊ก http://www.facebook.com/bkk.best
ทวิตเตอร์ http://twitter.com/bkk_best
ไลน์ @bkk_best และแอปพลิเคชัน กทม. Connect
นอกจากนี้ยังกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบระบายน้ำในทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง จัดเก็บขยะ วัชพืชที่ขวางทางน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ อุโมงค์ระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ และประตูระบายน้ำ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตรวจสอบปัญหาอุปสรรคการระบายน้ำในช่วงฝนตก และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ตลอดจนช่องทางการติดตามสถานการณ์ฝนและแจ้งเหตุปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ
ขณะที่นายชาตรี วัฒนเขจร ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. เปิดเผยว่าสำนักสิ่งแวดล้อมได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับสถานการณ์และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กำหนดแนวทางดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. สำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขต สำรวจตรวจสอบความแข็งแรงต้นไม้ใหญ่และวัสดุค้ำยันต้นไม้ในพื้นที่ เพื่อป้องกันกิ่งลำต้นหัก ฉีกขาด และโค่นล้ม 2. กำชับทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ใหญ่เป็นพิเศษ เช่น การตัดแต่งกิ่งที่สุ่มเสี่ยงต่อการหัก ฉีกขาด การสางโปร่ง การลดทอนความสูง และการค้ำยันต้นไม้ให้มีความมั่นคงแข็งแรงโดยให้เป็นไปตามหลักวิชาการ
อย่างไรก็ดีขอความร่วมมือประชาชนตรวจสอบต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ตนเองและตัดแต่งเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ หรือหากพบเห็นต้นไม้ในที่สาธารณะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ให้แจ้งสำนักงานเขตพื้นที่เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย