กรมอนามัย 26 ส.ค.-กรมอนามัย เตือนกินชานมไข่มุกบ่อย ๆ เสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด แนะประเมินร่างกายก่อนกินเนื่องจากให้ปริมาณต่อแก้วสูงถึง 360 กิโลแคลอรี หากเลี่ยงได้ก็จะดีต่อสุขภาพ
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คนที่จะดื่มชานมไข่มุกต้องประเมินตนเองด้วยว่าเสี่ยงต่อภาวะอ้วนหรือไม่ เพราะหากดื่มเป็นประจำอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การเป็นโรคอ้วน เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือดได้ เนื่องจากชานมไข่มุกส่วนใหญ่เป็นการเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม นมผง ครีมเทียม และไข่มุกลงในชา ซึ่งทำให้ได้พลังงานมากขึ้นกว่า น้ำชาทั่วไปมาก
ข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ชานมไข่มุก 1 แก้ว ให้พลังงาน ประมาณ 240 -360 กิโลแคลอรี โดยร่างกายจะได้รับคาร์โบไฮเดรต 45 – 62 กรัม ไขมัน 0 -14 กรัม โปรตีน 0.4 – 2 กรัม ความแตกต่างของพลังงานและสารอาหารขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ไข่มุก นมผง และครีมเทียมที่ใส่ลงไป ซึ่งไข่มุกที่อยู่ในชานมไข่มุกนั้น ผลิตจากแป้งมันสำปะหลัง จัดอยู่ในอาหารหมวดเดียวกับแป้งและน้ำตาล โดยไข่มุก 30 กรัม ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี ซึ่งพลังงานที่ได้จากการดื่มชานมไข่มุก 1 แก้ว โดยประมาณ ใกล้เคียงกับการกินก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม หรือเท่ากับข้าวประมาณ 3 – 4 ทัพพี
พญ.อัมพร กล่าวต่อไปว่า การดื่มชานมไข่มุก 1 แก้วนั้น จะได้รับพลังงานค่อนข้างสูง เทียบเท่ากับพลังงานจากการกินอาหารปกติ 1 มื้อ โดย ประมาณ ละสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรงคือ น้ำตาลที่ใส่ ลงในชานมและไข่มุก ถือเป็นพลังงานสูญเปล่า (Empty Calories) คือได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว โดยไม่มีสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งหลายการศึกษาระบุว่า การได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลและระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน เบาหวาน และหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ครีมเทียมที่ใส่ลงในชานมส่วนใหญ่ผลิตจากไขมันปาล์ม ซึ่งมีกรดไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูง ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นเดียวกัน
“หากในวันนั้นต้องการดื่มชานมไข่มุก ก็ควรคำนึงถึงพลังงานที่ได้รับและควรลดปริมาณการบริโภคอาหารกลุ่มข้าวแป้งและน้ำตาลจากอาหารชนิดอื่นๆ ในมื้ออื่นๆลง หรืออาจลดปริมาณน้ำตาลที่ใส่ในชานมไข่มุก และควรหลีกเลี่ยงการใส่ครีมเทียมลงในชานมไข่มุกที่สั่งและควบคุมความถี่ในการเลือกดื่มและไม่ควรดื่มชานมไข่มุกเป็นประจำต่อเนื่องทุกวัน แนะนำสัปดาห์ละ 1-2 แก้วก็เพียงพอแล้ว และควรหมั่นออกกำลังกาย เพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงานที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันด้วย ขอความร่วมมือผู้ประกอบการได้พัฒนาสูตร ชานมไข่มุกเพื่อสุขภาพ ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคและยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น สูตรหวานน้อย สูตรไขมันต่ำ เป็นต้น” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด