คลัง 26 ส.ค. – คณะกรรมการ PPP ไฟเขียวเน็ตประชารัฐ เปิดทางเอกชนให้บริการไวไฟอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน พร้อมเปิดช่อง BEM ผู้ให้บริการทางด่วนขั้นที่ 2 ทางพิเศษศรีรัช ยื่นขยายเวลาสัมปทาน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอกรณีการเปิดโครงข่ายเน็ตประชารัฐ เพื่อให้ผู้บริการอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อสัญญาไปยังบ้านเรือนของชาวบ้านต้องเข้าข่ายดำเนินการ PPP หรือไม่ ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐบาลมอบหมายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานแต่ละหมู่บ้านทั่วประเทศ 1 หมู่บ้าน 1 จุด วงเงิน 5,000 ล้านบาท เมื่อเปิดให้ภาคเอกชนบริการอินเทอร์เน็ตกับชาวบ้านเป็นรายครอบครัวไม่ได้มีผลประโยชน์กับทีโอทีและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จึงไม่เข้าข่ายต้องทำแผนลงทุน PPP จากนี้ไป สคร.ต้องทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงดีอี เพื่อให้เดินหน้าเปิดให้ผู้บริการอินเทอร์เน็ตเริ่มขั้นตอนให้บริการเน็ตประชารัฐกับชาวบ้านทุกพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งการค้าขายออนไลน์ การศึกษา การหาความรู้ประกอบอาชีพในชุมชน
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ PPP ได้พิจารณาเกี่ยวกับปัญหากรณีคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อสัญญาสัมปทานทางพิเศษศรีรัช ทางด่วนขั้นที่ 2 ช่วงบางปะอิน-ปากเกร็ด ให้กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ (BEM) ออกไปอีก 37 ปี จากเดิมอายุสัมปทาน 30 ปี กำลังจะหมดลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 มีปริมาณรถใช้บริการทางด่วนกว่า 500,000 คันต่อวัน ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน กำหนดให้สัญญาที่จะครบกำหนดในช่วง 5 ปีข้างหน้า หน่วยงานรับผิดชอบต้องเจรจาเตรียมการเจรจาก่อนสัญญาจะหมดลงเพื่อให้ได้ข้อยุติ กรณีทางด่วนขั้นที่ 2 สัญญาที่ 1 ครบกำหนดปี 2563 สัญญาที่ 2 ครบกำหนดปี 2569 ดังนั้น การแก้ไขสัญญาจึงดำเนินการได้
“คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้วินิจฉัยแล้วเห็นว่าการแก้ไขสัญญาสัมปทานกระทำได้ หากสัญญาไม่สิ้นสุดลง จึงไม่เกี่ยวข้องกับกรอบเวลาสัญญาสัมปทานใหม่ ขั้นตอนการแก้ไขสัญญาจึงดำเนินการได้ ก่อนสัญญาหมดลง 5 ปี” นายประภาศ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาแผนลงทุนโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) ของการเคหะแห่งชาติ มูลค่าลงทุน 5,550 ล้านบาท พื้นที่รวม 52 ไร่ อาคารคอนโดมิเนียม 7 ชั้น จำนวน 896 ยูนิต ขนาด 44 ตารางเมตร ที่ประชุมเห็นว่าการลงทุนด้านสุขภาพ โรงพยาบาล มีผลตอบแทนไม่สูงมาก เพื่อสร้างแรงดึงดูดใจต่อการลงทุน นอกจากสิทธิพิเศษทางภาษีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะมีสิทธิ์อื่นเพิ่มเติมทางอ้อมอย่างไรบ้าง เพื่อให้เอกชนเข้ามาลงทุนด้านซีเนียร์คอมเพล็กซ์มากขึ้น จึงสั่งให้ปรับปรุงตัวเลขผลตอบแทนจากการลงทุนให้เหมาะสม และสิทธิพิเศษด้านอื่น จากผลการศึกษาของการเคหะฯ เน้นเปิดให้เอกชนเสนอแผนลงทุนในรูปแบบซีเนียร์คอมเพล็กซ์ เพื่อผู้อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ และบุคคลทั่วไปซื้อให้พ่อแม่อยู่อาศัยร้อยละ 60 ส่วนที่เหลือเป็นที่พื้นส่วนกลาง และพื้นที่โรงพยาบาลร้อยละ 40 สำหรับดูแลผู้ป่วยสูงอายุ เตรียมเปิดให้ภาคเอกชนเสนอร่วมลงทุนแบบ PPP ระยะเวลาเช่า 30 ปี ขายให้รายย่อย 1.45 ล้านบาทต่อยูนิต ค่าส่วนกลาง 3,000 บาทต่อเดือน เพื่อดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ กำหนดแผนก่อสร้างต้นปี 2563.-สำนักข่าวไทย