กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมการข้าวระบุราคาข้าวเหนียวปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะชาวนาปลูกน้อยลงและผลกระทบจากภัยแล้ง ข้าวเหนียวในสตอกของโรงสีขายหมดเกลี้ยง ขณะที่ความต้องการบริโภคมีมาก
นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ราคาข้าวเหนียวที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้เกิดจากปริมาณข้าวเหนียวในตลาดมีน้อยมาก ขณะที่ความต้องการบริโภคมีมาก ทั้งนี้ ราคาข้าวเปลือกเหนียวเริ่มปรับตัวลง ชาวนาขายเฉลี่ยตันละ 10,188 บาท และปรับตัวลงอีกในปี 2561 เฉลี่ยตันละ 9,549 บาท จากภาวะราคาข้าวเหนียวตกต่ำดังกล่าวทำให้ชาวนาหันไปปลูกข้าวหอมมะลิแทน ทำให้ผลผลิตข้าวเหนียวทั้งนารอบที่ 1 (นาปี) และนารอบที่ 2 (นาปรัง) ที่ผ่านมามีปริมาณน้อยกว่าทุกปี
ทั้งนี้ เมื่อปริมาณผลผลิตในตลาดลดลง ราคาข้าวเปลือกเหนียวจึงปรับตัวสูงตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นตันละ 10,268 บาท จนถึงเดือนสิงหาคม 2562 จากช่วงเดียวกันปีก่อน 9,697 บาท เป็นราคาตันละ 15,179 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.53 นอกจากนี้ ราคาข้าวเหนียวยังปรับตัวสูงขึ้นมากช่วงเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2562 เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของฤดูกาล โดยข้าวเก่ามีปริมาณเหลือน้อย ส่วนข้าวใหม่ยังไม่ถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยว อีกทั้งภาครัฐระบายข้าวในสตอกหมด ส่วนชาวนาภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเก็บที่เหลือไว้บริโภค ส่งผลราคาข้าวเหนียวในตลาดสูงขึ้น
นายประสงค์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการโรงสีพยายามหาซื้อข้าวเหนียว เพื่อเก็บไว้ในสตอกและแปรสภาพเป็นข้าวถุงเพื่อจำหน่าย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคในประเทศยังคงมีมาก สำหรับพื้นที่นาปรังข้าวเหนียวปี 2562 มี 1,006,199 ไร่ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้รวม 595,963 ตัน ส่วนพื้นที่เป้าหมายปลูกข้าวเหนียว รอบที่ 1 (นาปี ปี 2562/63) 16.172 ล้านไร่ คาดการณ์ว่าจะได้ผลผลิต 6.142 ล้านตัน ขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียวพื้นที่รวม 12,716,114 ไร่ แต่จากฝนทิ้งช่วงปีนี้ทำให้พื้นที่เพาะปลูกข้าวเหนียวหลายจังหวัดได้รับผลกระทบ ได้แก่ ชัยภูมิ ขอนแก่น และเพชรบูรณ์ รวม 793,885 ไร่ ซึ่งชาวนาจะเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2562 ซึ่งคาดว่าปริมาณผลผลิตข้าวเหนียวจะลดลงจากเป้าหมายที่กำหนดไว้.-สำนักข่าวไทย