พม. 12 ก.ย.-“วราวุธ” อำลา พม. เผย 2 ปีที่ผ่านมาอบอุ่นหัวใจ ชี้หากได้รับงบไม่เต็มที่ การกระตุ้นเศรษฐกิจคงไม่เกิดผล พร้อมมอบโล่เกียรติคุณให้ปลัดอนุกูล-ผู้เกษียณของ พม. ขอบคุณที่อุทิศตนเพื่อราชการ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อำลาตำแหน่ง และเป็นประธานในพิธีมอบโล่เกียรติคุณและของที่ระลึกแก่ผู้เกษียณอายุราชการกระทรวง พม. ประจำปี พ.ศ. 2568 จำนวนทั้งสิ้น 188 คน หนึ่งในผู้เกษียณอายุราชการปีนี้ คือ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม.
นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรภาครัฐทั้ง ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างประจำ เพราะเป็นกำลังสำคัญที่ทุ่มเท และเป็นที่รักของน้องๆ ซึ่งคนที่มอบโล่ไปก่อนคนที่รับโล่ อย่างไรก็ตาม เห็นคนที่รับมอบแล้ว สะท้อนถึงการทำงาน และมองว่าอายุ 60 ปี ยังเร็วเกินไปที่จะเกษียณอายุราชการ หลายคนยังมีความสดใส สุขภาพแข็งแรง และเชื่อว่าชาว พม. จะสานต่องานที่รุ่นพี่ทำไว้ แม้เกษียณไปแล้วความรู้ความสามารถยังมีอยู่ ขออย่าอยู่เฉยในการทำงานให้กับประเทศ
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเททำงานเพื่อกระทรวง พม. ทุกคนถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญ ไม่มีใครใหญ่ ไม่มีใครเล็ก ไม่มีใครสำคัญน้อยหรือมากไปกว่ากัน เพราะหากไม่มีใครทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ งานก็จะไม่สามารถขับเคลื่อนได้
นายวราวุธ ยังกล่าวถึง ปลัดกระทรวง พม. ที่หลังจากเกษียณจะไปช่วยงานที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และถ้าใครที่เกษียณแล้วอยากไปอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีก็มาได้เลย เพราะทุกวันนี้มีแต่คนแต่งงานออกไปนอกจังหวัด อยากให้คนเข้ามาที่สุพรรณบุรีมากๆ เพราะจะได้มาลงคะแนนเลือกตนเป็น สส. อีก
จากนั้น ปลัดกระทรวง พม. และเจ้าหน้าที่ได้จัดพิธีอำลาตำแหน่งให้กับนายวราวุธ โดยนายวราวุธ ได้กล่าวเปิดใจว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ขอขอบคุณทุกคนจากใจ จากคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ พม. วันนี้ภาพที่ตนมองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หากตนไม่มีทีมงานที่เข้มแข็งคงไม่สามารถทำงานให้เข้าใจและพัฒนาในหลายมิติได้
จากนี้ไปแม้จะต้องไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เพราะการที่ประเทศไทยจะเดินหน้าได้จะต้องเริ่มต้นที่กระทรวง พม.
“หากกระทรวงนี้ยังไม่ได้รับงบประมาณอย่างเต็มที่ และยังต้องมานั่งทอดผ้าป่าทอดกฐิน การจะใส่เงินลงไปในเศรษฐกิจก็คงไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งรัฐมนตรีก็เป็นเพียงแค่หัวโขนอีกหนึ่งใบ อีกไม่นานจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะมีรัฐมนตรีคนใหม่มา ขอฝากเพื่อน พม. มีอะไรฝากท่านไปให้หมด อะไรที่ต้องปรับปรุงให้แจ้งกับรัฐมนตรีไป เพราะความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไม่มีฝ่ายรัฐบาลไม่มีฝ่ายค้าน การเปลี่ยนรัฐมนตรีไม่ได้หมายความว่าความลำบากจะหมดไป แต่อะไรดีๆ ขอให้สานต่อ ทุกๆ ย่างก้าวของผมจากนี้ไม่ว่าอยู่ในสถานะอะไรก็แล้วแต่ พม. จะอยู่ในความคิด ความทรงจำ จากนี้ไปจะคิดถึง คนแก่ คนพิการ และกลุ่มเปราะบางเสมอนี่คือสิ่งที่ครอบครัวศิลปอาชาทำมาตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา” นายวราวุธ กล่าว
นายวราวุธ ยังกล่าวอีกว่า รู้สึกภูมิใจมากที่ได้มาอยู่ในบ้านสีชมพูหลังนี้ ไม่เคยได้รับความอบอุ่นเท่านี้มาก่อน ซึ่งทำให้เกิดความใกล้ชิดและได้เห็นศักยภาพของชาว พม. จากนี้ไปไม่ว่าเจอกันที่ไหนขอให้ทักทายกัน ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาเราทำงานร่วมกันขอให้ความสัมพันธ์ดีๆ เช่นนี้ยังคงอยู่และหวังว่าอนาคตอันใกล้จะเห็นกระทรวง พม. เป็นกระทรวงที่สำคัญที่สุด
นอกจากนี้ นายวราวุธ ยังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงสิ่งที่ยังทำแล้วยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ในการทำงาน พม. ว่า มีหลายจุด แต่ไม่ได้ค้างคา เพราะเมื่อมีการตั้ง ครม. ชุดใหม่ หน้าที่ของตนจะจบลง และที่ผ่านมาเราทำเต็มที่ที่สุด ภารกิจใดที่ยังทำไม่เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่ายที่ต้องดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยายกาศการอำลาเป็นไปด้วยความอบอุ่น เจ้าหน้าที่ต่างมอบดอกกุหลาบ และพวงมาลัย ให้กับนายวราวุธพร้อมตะโกนว่า “รักพี่ท็อปๆๆ” ซึ่งจะเข้ามาทำงานที่กระทรวง พม. เป็นวันสุดท้าย.-314.-สำนักข่าวไทย