รร.เคมเปนสกี้ 23 ส.ค. – สศค.เสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ บัตรสวัสดิการเฟส 2 ช่วยเหลือรายพื้นที่ ขณะที่ “อุตตม” หนุนหมอคลังให้ความรู้ชุมชน ดูแลหนี้ บริหารเงิน ลดหนี้ภาคครัวเรือน เตรียมหารือหลายฝ่ายขยายเวลา VAT 7%
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาวิชาการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประจำปี 62 “คลังคิด เศรษฐกิจเชิงพื้นที่” ว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกผันผวน ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชน พัฒนาหัวเมืองรองระดับชุมชน หลังจากรัฐบาลทุ่มเทเลือกพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ระดับประเทศ ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกกับนักลงทุน เพื่อให้เป็นมาตรการลงทุนระยะยาว
นายอุตตม กล่าวว่า จากนี้ไปต้องเริ่มให้ความสำคัญกับการพัฒนาเชิงพื้นที่ ด้วยการดึงทุกฝ่ายเข้ามาร่วมขับเคลื่อนนโยบาย “พัฒนา ยั่งยืน ครอบคลุม ทั่วถึง” เพื่อร่วมกันปรับเปลี่ยนประเทศให้ก้าวทันโลก ผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตจากภายใน มีภูมิต้านทานไม่สุ่มเสี่ยง จึงเตรียมดึงสมาคมธนาคารไทย แบงก์รัฐ ร่วมกับคลังจังหวัดทำหน้าที่ “หมอคลัง” ให้ความรู้ทางการเงิน การดูแลภาระหนี้ การขยายทุน คลังจังหวัดจึงต้องมีบทบาทมากขึ้นในการดูแลพื้นที่ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เดินหน้าโครงการสังคมอุดมสุข จึงต้องผลักดันการดูแลชุมชนพื้นที่ให้มีภูมิต้านทาน
ส่วนกรณีการบริหารจัดการดูแลงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 600,000 ล้านบาทนั้น ต้องหารือกับสำนักงบประมาณให้ชัดเจนว่าควรบริหารจัดการลงทุนในพื้นที่อย่างไร คาดว่าคงไม่ถึง 600,000 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว ยืนยันรัฐบาลไม่มีปัญหางบกลางหรือขาดเงินบริหารประเทศ จึงต้องไปล้วงนำเงินจาก อปท. แต่ต้องการให้ อปท.บริหารพัฒนาพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เมื่อหารือกับสำนักงบประมาณชัดเจนแล้วคงกำหนดแผนบริหารงบปี 2563 ได้ดีขึ้น
นายอุตตม เปิดเผยว่า เตรียมหารือหลายฝ่ายขยายเวลา VAT 7% ที่ครบกำหนดเดือนกันยายน 2562 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า โครงการบัตรสวัสดิการพลัส หรือบัตรสวัสดิการฯ เฟส 2 เพื่อดูแลสวัสดิการฯ ให้ครอบคลุมเหมาะสม ใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อปรับปรุงระบบสวัสดิการให้สอดคล้องกับพื้นที่ ความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อแก้ปัญหาความจนเชิงพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาความจนให้ชัดเจนมากขึ้น หากเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ต่างจังหวัด เสนอจัดสรรให้ค่าชุดนักเรียน ฉีดวัคซีน เบี้ยขยัน เพิ่มเบี้ยคนพิการ ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสารรถไฟ บขส. ค่าเดินทางผู้สูงอายุ ขณะที่ผู้ถือบัตรในเมืองเน้นด้านการเดินทางมากขึ้น ทั้งค่าโดยสาร ค่าไฟฟ้า ประปา ค่าสินค้าจำเป็น
ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำยังเป็นปัญหาหลักของไทย เช่น พื้นที่เศรษฐกิจเข้มแข็งมีความพร้อมสูงมีอยู่ 29 จังหวัด สัดส่วนจีดีพีร้อยละ 80 ผู้มีรายได้น้อย 1 ใน 3 เช่น เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีอีซี จังหวัดหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น นครราชสีมา ขณะที่พื้นที่มีปัญหาเศรษฐกิจอ่อนแอ มีความพร้อมต่ำมาก 32 จังหวัด มีสัดส่วนขับเคลื่อนจีดีพีเพียงร้อยละ 10 ผู้มีรายได้น้อยมากกว่าร้อยละ 50 เช่น สกลนคร นครพนม มุกดาหาร น่าน เชียงราย ตาก แนวทางการใช้นโยบายการคลังแก้ปัญหา ต้องนำเสนอระดับกระทรวงขับเคลื่อนเพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายขั้นต่อไป.-สำนักข่าวไทย