ราชนาวิกสภา 22 ส.ค.-กองทัพเรือ ซ้อมย่อยขบวนเรือพระราชพิธีในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค พร้อมทั้งเชิญเรือพระที่นั่ง 4 ลำร่วมฝึกซ้อมเป็นครั้งแรก
กองทัพเรือ โดยคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี จัดการฝึกซ้อมย่อยขบวนเรือพระราชพิธีในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ครั้งแรก มีกำลังพลประจำเรือเข้าร่วมฝึกซ้อมในทุกริ้วขบวน จำนวน 2,200นาย ใช้เรือพระราชพิธีทั้งสิ้น 52 ลำ
ในการฝึกครั้งนี้เชิญเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ,เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ,เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เข้าร่วมในการฝึกซ้อมด้วย
เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากจุดตั้งขบวนที่บริเวณท่าวาสุกรี เวลา 15.35 น. มุ่งหน้ามายังท่าราชวรดิษฐ์ พระบรมมหาราชวัง ระยะทาง 3.8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเคลื่อนขบวนจากจุดเริ่มต้นถึงที่หมายประมาณ 1 ชั่วโมง
การซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีนี้ เป็นการจัดรูปขบวนตามรูปแบบโบราณราชประเพณีทุกประการ แบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย คือ ริ้วสายกลาง เป็นเรือสายสำคัญ ประกอบด้วยเรือพระที่นั่ง 4 ลำ นอกจากนี้ยังมีเรืออีเหลือง เรือกลองนอก เรือแตงโม ซึ่งเป็นเรือของผู้บัญชาการขบวนเรือ เรือกลองใน พร้อมด้วยเรือตำรวจนอกและเรือตำรวจใน
ริ้วสายใน ขนาบข้างสายเรือพระที่นั่ง ประกอบด้วยเรือทองขวานฟ้าและเรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือประตูหน้า เรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์ เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ 8 ลำและปิดท้ายสายในด้วยเรือเอกไชยเหินหาว และเรือเอกไชยหลาวทอง ซึ่งเป็นเรือคู่ชัก และริ้วสายนอก ประกอบด้วย เรือดั้ง และ เรือแซง สายละ 14 ลำ
ในการฝึกซ้อมกำลังพลฝีพายทั้งหมดสวมใส่ชุดซ้อม แบ่งออกเป็น 3 สีเพื่อ ให้ง่ายต่อการแบ่งริ้วขบวนเรือ นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีอย่าง เครื่องวัดระยะทางด้วยแสงเลเซอร์และเครื่องวัดความเร็วกระแสน้ำมาช่วยในการฝึกซ้อมเพื่อให้ขบวนเรืออยู่ในตำแหน่งที่กำหนดอย่างถูกต้องสวยงามพร้อมเพรียง
ส่วนบทเห่เรือที่ใช้ในการฝึกซ้อมเป็นกาพย์เห่เรือชุดเดิม ขณะที่ตลอดเส้นทางริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีประชาชนร่วมชมการฝึกซ้อม
หลังจากนี้จะมีการซ้อมย่อย ครั้งที่ 2 ในวันที่ 29 สิงหาคม และจะซ้อมย่อยต่อเนื่องไปอีก 8 ครั้ง และมีกำหนดซ้อมใหญ่ 2 ครั้ง ในวันที่ 17 และ 21 ตุลาคมนี้ ก่อนจะมีพระราชพิธีในวันที่ 24 ตุลาคม .-สำนักข่าวไทย