สระแก้ว 19 ส.ค. – ความคืบหน้าอุบัติเหตุรถตู้ขนแรงงานต่างด้าวไปต่อพาสปอร์ตประสบอุบัติเหตุชนรถบรรทุกที่สระแก้ว ล่าสุดยังไม่มีการสรุปสาเหตุที่ชัดเจน แต่มีคำยืนยันว่ารถตู้ไม่ได้ตัดระบบ GPS ติดตามรถ และความเร็วรถก่อนเกิดเหตุไม่ได้เกิน 90 กม./ชม.
เจ้าหน้าที่ด้านวิศวกรรม กรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุบนถนนสาย 317 สระแก้ว – จันทบุรี ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ หลังจากเมื่อเวลา 04.00 น. วานนี้ (18 ส.ค.) เกิดอุบัติเหตุรถตู้ป้ายเหลือง ทะเบียน 34-0405 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถบรรทุก 18 ล้อ ทะเบียน 70-1234 อุตรดิตถ์ ทำให้มีแรงงานและคนขับรถตู้ชาวไทยเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 11 ราย และเสียชีวิตเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย รวมเสียชีวิต 12 ราย โดยได้ตรวจสภาพถนนและสภาพแวดล้อม รวมถึงรอยเบรก เพื่อหาสาเหตุ จากนั้นได้ตรวจสภาพรถตู้และรถบรรทุก รวมถึงเก็บข้อมูลตัวถังรถที่ สภ.วังสมบูรณ์ เพื่อรายงานให้กรมการขนส่งทางบกรับทราบ
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถทั้งสองคันสภาพพังยับเยิน พร้อมยกตัวอย่างว่า หากรถตู้วิ่งมาด้วยความเร็ว 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชนกับรถบรรทุกที่วิ่งมาด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะเท่ากับว่ารถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว 125 กิโลเมตร และหากชนกับก้อนหินก็ทำให้บุบหรือพังได้
ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเดินทางมาพบตำรวจ สภ.วังสมบูรณ์ เพื่อขอเอกสารและใบรับรองการเสียชีวิตจากโรงพยาบาล เพื่อนำเอกสารไปติดต่อขอรับศพจากนิติเวช รพ.ตำรวจ กลับไปบำเพ็ญกุศล
สำหรับกระแสข่าวที่คลาดเคลื่อนว่ารถตู้คันประสบเหตุตัดสัญญาณ GPS นั้น ล่าสุดสำนักงานขนส่งจังหวัดสระแก้ว ยืนยันว่าไม่มีการตัดสัญญาณ ความเร็วก่อนเกิดเหตุเวลา 04.08 น. คือ 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความเร็วระหว่างขับอยู่ที่ประมาณ 70-85 กิโลเมตร/ชั่วโมง เช่นเดียวกับรถบรรทุกที่ความเร็วก่อนเกิดเหตุอยู่ที่ 48 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนระหว่างขับก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 37-44 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่วนบรรยากาศที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ มีญาติแรงงานที่เสียชีวิต มาติดต่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ สปป ลาว หลังเจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรและเก็บตัวอย่างเอกลักษณ์บุคคล แต่ยังไม่สามารถนำศพกลับไปได้ เพราะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 วัน ในการทำเอกสาร คาดว่าจะรับศพกลับไปได้ในวันพุธนี้ (21 ส.ค.)
ด้านญาติของผู้เสียชีวิตคนหนึ่งบอกว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ไปต่อหนังสือเดินทางที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว โดยรถตู้ของบริษัท คาดว่าเส้นทางที่มีระยะไกลอาจทำให้คนขับอ่อนล้า ส่วนเรื่องขับรถเร็วคาดว่าไม่ใช่สาเหตุ เพราะมี GPS คอยเตือนและควบคุม ส่วนศพของคนขับรถตู้มีญาติติดต่อ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว นำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ระยอง ตั้งแต่เมื่อวาน
ส่วนการเยียวยาค่าสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลตรวจสอบการทำประกันชีวิตและอุบัติเหตุชนิดต่างๆ รถตู้ทำประกันอุบัติเหตุภาคสมัครใจไว้กับสินมั่นคงประกันภัย ส่วนรถบรรทุกทำประกันภาคสมัครใจไว้กับวิริยะประกันภัย สำหรับการเยียวยาเบื้องต้นจากประกันภัยภาคบังคับ พบว่าผู้เสียชีวิตจะได้สินไหมทดแทนรายละไม่ต่ำกว่า 700,000 บาท แบ่งเป็นจาก พ.ร.บ. 300,000 บาท สัญญาเพิ่มเติมประกันอุบัติเหตุ 100,000 บาท และจากประกันภาคสมัครใจ 300,000 บาท. – สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
► ผู้ว่าฯ สระแก้วสั่งดูแลเหยื่อรถตู้ชนรถพ่วงเต็มที่
►รถตู้ชนประสานงารถพ่วง ดับสยอง 11 ศพ บาดเจ็บ 4