สำนักข่าวไทย 18 ส.ค. – เครือข่ายลดอุบัติเหตุจี้สอบอุบัติเหตุใหญ่รถตู้ คร่า 11 ศพ ป้องกันหวั่นเกิดซ้ำรอย
จากกรณีอุบัติเหตุใหญ่เมื่อช่วงเวลา 04.15 น.ที่ผ่านมา (18 ส.ค.) รถตู้ชนประสานงากับรถบรรทุกพ่วงบริเวณทางหลวงหมายเลข 317 ตรงข้ามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาย่อยวังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว มีเสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย รถตู้คันดังกล่าวเป็นของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่รับจ้างนำแรงงานต่างด้าวชาวลาวไปต่ออายุพาสปอร์ต จากการสอบสวนพบข้อมูลว่า ลักษณะคนรถตู้ขับรถส่ายไปส่ายมาก่อนเกิดเหตุ พบมีรอยเบรกยาวและพุ่งชนประสานงากับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ทำให้ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถตู้บาดเจ็บและชีวิตดังกล่าว
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตสูง 11 ราย ต้องขอแสดงเสียใจอย่างยิ่ง แม้อุบัติเหตุครั้งนี้จะไม่ได้เกิดกับชีวิตคนไทยแต่เป็นแรงงานต่างด้าวชาวลาวก็ตาม แต่ก็เป็นการสูญเสียเช่นเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดแต่มาเกิดเหตุ บาดเจ็บ เสียชีวิตที่ประเทศไทย ก็ทำให้รู้สึกไม่ดี เพราะนั่นหมายถึงการไม่มีความปลอดภัยในการเดินทาง
นายพรหมมินทร์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลรายงานอุบัติเหตุ คาดว่ารถตู้วิ่งมาด้วยความเร็วสูง เพราะมีรอยเบรกเป็นทางยาว ประกอบกับสภาพถนนอยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม เรื่องนี้ต้องไปดูว่ามีป้ายสัญญาณเตือน ไฟส่องสว่างเห็นชัดหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้มองไม่เห็นหรือหลบอะไรบางอาจทำให้รถเสียหลัก หรือคนขับรถตู้มีอาการหลับใน เหนื่อยล้าจากความเร่งทำรอบหรือไม่ ต้องไปสืบสวนจากบริษัทต้นสังกัดเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง
“ สิ่งที่จะต้องค้นหากันต่อคือตัวคนขับ ใบอนุญาต ประวัติการกระทำความผิด รถอายุกี่ปี การตรวจสภาพ รถป้ายเหลืองมีการขออนุญาตข้ามเขตหรือไม่ รวมถึงได้ติดตั้ง GPS ตามระเบียบ และมีการเปิดใช้งานหรือไม่ ยังมีองค์ประกอบที่ต้องช่วยกันคิดต่อ ทั้งเรื่องของถนน เวลาปรับปรุงซ่อมแซมเลน หรือปรับพื้นผิว ควรมีอุปกรณ์เตือนภัย เช่น ป้ายเตือน ไฟสองสว่าง หรือหลักสะท้อนแสงให้ชัดเจน การนำเพียงกรวยมาวางอาจไม่เพียงพอ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบค้นหาความจริงให้ปรากฏจะได้เร่งหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย สร้างความสูญเสียเช่นนี้อีกต่อไป” นายพรหมมินทร์ กล่าว
ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ กล่าวต่อว่า เคยได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการรถตู้ว่า ตามแนวชายแดนมีระบบการเรียกเก็บเงินจากรถตู้ที่ให้บริการรับแรงงานเพื่อนบ้านไปต่อวีซ่า แลกเปลี่ยนกับการไม่ถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากปล่อยให้เกิดขึ้นต่อไปอาจเป็นสาเหตุของความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างไม่รู้จบสิ้น ตนจึงมีข้อเสนอให้รัฐบาลในภาพรวมสร้างกลไกตรวจสอบอย่างจริงจัง หรืออาจบูรณาการระบบต่อวีซ่าแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ด้วยการใช้เทคโนโลยีให้คุ้มค่าจากระบบออนไลน์ ที่หลายกระทรวงล้วนมีศักยภาพสูง ควรยกเลิกระบบแบ่งเขตแดนต่ออายุวีซ่าการทำงานของแรงงาน เพราะระบบออนไลน์จะสามารถลดความเสี่ยงจากการเดินทางที่เร่งรีบที่พร้อมจะเกิดอุบัติเหตุได้มาก
“ผมขอฝากไปยังกระทรวงคมนาคมผู้ซึ่งรับผิดชอบดูแล ทั้งมาตรฐานรถ มาตรฐานคน และมาตรฐานถนน ว่ามาตรการที่ออกมารองรับดีพอหรือยัง มีการบังคับใช้จริงหรือเปล่า ก่อนที่จะมีการอนุญาตให้รถวิ่งความเร็วเพิ่ม 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขอให้ทบทวนมาตรการที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าได้ ถูกบังคับใช้จริงจังแล้วหรือไม่” นายพรหมมินทร์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย