“ไต้หวัน”ปรับตัวรับ”สงครามการค้า”

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. –“สงครามการค้า” ส่งผลนักลงทุนไต้หวันย้านฐานทั้งกลับประเทศ และมุ่งสู่ใต้ “อาเซียน-เอเชียใต้” ในขณะที่นโยบายปฎิรูปพลังงาน ขยายฐานพลังงานทดแทนก็ดึงดูดนักลงทุนไทยเข้าไปหาโอกาสลงทุนในไต้หวัน


กรุงเทพฯ 17 ส.ค. –“สงครามการค้า” ส่งผลนักลงทุนไต้หวันย้านฐานทั้งกลับประเทศ และมุ่งสู่ใต้ “อาเซียน-เอเชียใต้” ในขณะที่นโยบายปฎิรูปพลังงาน ขยายฐานพลังงานทดแทนก็ดึงดูดนักลงทุนไทยเข้าไปหาโอกาสลงทุนในไต้หวัน

ปัญหาสงครามการค้า”สหรัฐ-จีน” ที่มีการตั้งเก็บภาษีซึ่งกันและกันหลายระลอก ส่งผลให้นักลงทุนมีการเคลื่อนย้ายจากจีนไปประเทศอื่นๆมากยิ่งขึ้น ในส่วนของนักลงทุนไต้หวันก็เช่นกันมีการย้ายฐานทั้งกลับประเทศไต้หวัน และมองพื้นที่การลงทุนเข้ามาในอาเซียนและเอเชียใต้ ตาม”นโยบาย มุ่งใต้ไหม่”ของรัฐบาลไทเป ที่ประกาศได้ตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2559 และเพื่อรองรับผลกระทบไต้หวันได้ผลักดันงบประมาณ ในปี 2562 เกินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน เป็นครั้งแรก มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งนโยบาย ปฏิรูปพลังงาน ภายใต้ นโยบายพลังงานสีเขียว (Green Policy) ผลักดันการใช้พลังงานทดแทน ให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานทั้งหมด ภายใน 8 ปี(2561-2568 ) โดยเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการน้ำและพลังงานสีเขียวให้สมบูรณ์แบบและผลักดันโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคเพื่ออนาคต มูลค่ารวมกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน


นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ จีพีเอสซี เปิดเผยว่า ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศที่จีพีเอสซีให้ความสนใจศึกษาเพื่อเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะพลังงานทดแทน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของ กลุ่ม ปตท.ที่ต้องการลงทุนพลังงานสะอาดถึง 8 พันเมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ซึ่งคงต้องเข้าไปศึกษากฏระเบียบเป็นอย่างไร และเปิดรับนักลงทุนอย่างไรบ้าง โดยตามแผนของไต้หวันมีการส่งเสริมพลังงานทดแทนที่หลากหลาย เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เป็นต้น

ด้านสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งไต้หวัน (Industrail Technology Research Institute ;ITRI ) ระบุว่า ตามแผนงานของไต้หวันจะเพิ่มพลังงานทดแทน เป็นร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานทั้งหมดในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปี 2561ที่ 6420 เมกะวัตต์ เป็น  30,161 เมกะวัตต์ ซึ่งมีการอุดหนุนในรูปแบบ FIT แตกต่างกันไป เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ อุดหนุน มากกว่า 4 ดอลลาร์ไต้หวัน/หน่วย  ปลายแผนงานจะมีรวม 2 หมื่นเมกะวัตต์ พลังงานลมอุดหนุนประมาณ  3 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย มีรวม 6,938 เมกะวัตต์ เป็นรูปแบบพลังงานลมบนบกและในทะเล รวมทั้งมีพลังงานอื่นๆ อีกด้วย ในขณะที่ITRI มีการพัฒนางานวิจัยและพัฒนา ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีการขายเทคโนโลยี ทั่วโลกหนึ่งในเทคโนโลยี การกักเก็บพลังงาน (ENERGY Storage ) ก็มีบริษัทของไทย บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ หรืออีเอ ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ในการนำมาใช้กับรถยนต์อีวี ที่อีเอกำลังพัฒนา

นายเฉินหรงจิน   (Jong-Chin Shen )รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจแห่งไต้หวัน กล่าวว่าปัญหาสงครามการค้าทำให้นักลงทุนไต้หวันย้านฐานเป็นจำนวนมาก เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบต่างในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นสินค้าไฮเอนด์ ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกำหนดแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านต่างๆ โดยเฉพาะ”นโยบายมุ่งใต้ใหม่” จะรองรับการย้ายฐานได้ดี ซึ่งประเทศหลักที่นักลงทุนไต้หวันให้ความสนใจคือประเทศไทย,ฟิลิปปินส์  ,เวียดนาม ,อินโดนีเซีย ,มาเลเซีย ,อินโดนีเซีย และอินเดีย โดยขณะนี้มีอินเดียและฟิลิปปินส์เสนอแผนตอบรับจูงใจการลงทุนมาแล้ว โดยในส่วนของไทย ทางไต้หวันก็ต้องการเห็นแผนงานตอบรับที่ดี  โดยสิ่งที่นักลงทุนไต้หวันต้องการมากที่สุดคือ เมื่อเข้าไปลงทุนแล้วจะมีอะไรการันตี หรือรับรองได้ว่าเงินลงทุนจะไม่สูญเสีย 


“การย้ายฐานของนักลงทุนไต้หวันจากปัญหาเทรดวอร์ มีมูลค่านับแสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าด้านอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ก็หวังว่าทางไทยจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป โดยหากไทยการันตีด้านทรัพย์สินการลงทุน Cash Flow หรือมีสิทธิประโยชน์ที่ดี มีนิคมอุตสาหกรรมรองรับที่พร้อม ทางนักลงทุนก็จะนำมาพิจารณา ซึ่งที่ผ่านมาเราทราบเรื่องอีอีซีของไทยบ้าง แต่ก็อยากดูเรื่องการการันตี โดยขณะนี้ทางอินเดียและฟิลิปปินส์ได้มีการอัพเดตข้อมูลมาแล้ว”นายเฉินหรงจินกล่าว 

นายมงคล สุขเกษมไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไวร์มาสแตอร์อินดัสตรี้ (ไทยแลนด์ ) กล่าวว่า ในขณะนี้ทางบริษัทได้ขยายกิจการเข้าไปซื้อกิจการนิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ  ตำบลหนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี พื้นที่ 690ไร่ ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้เป็นเขตส่งเสริมอีอีซี เป็นนิคมฯรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต  อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ  โดยใช้เงินลงทุนแล้ว 2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการเข้าซื้อกิจการก็จะมีการขอเสนอปรับผังพื้นที่มาสเตอร์แพลนด์ จากผังของรายเดิม จึงต้องขออนุญาต กนอ.อีกรอบ ก่อนที่จะเข้าไปพัฒนาระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด คาดจะแบ่งพื้นที่เป็นกว่า 40 แปลง รวม 500 ไร่ ซึ่งมั่นใจว่าจากการที่รัฐบาลไทยส่งเสริมอีอีซี และปัญหา”เทรดวอร์” ประกอบกับบริษัทมีแผนจะโปรโมทโดยสร้างโรงงานรองรับนักลงทุนอย่างรวดเร็วภายใน 90 วัน จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นมาตรการที่จูงใจให้ขายพื้นที่นิคมฯได้อย่างรวดเร็ว -สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]