“ไต้หวัน”ปรับตัวรับ”สงครามการค้า”

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. –“สงครามการค้า” ส่งผลนักลงทุนไต้หวันย้านฐานทั้งกลับประเทศ และมุ่งสู่ใต้ “อาเซียน-เอเชียใต้” ในขณะที่นโยบายปฎิรูปพลังงาน ขยายฐานพลังงานทดแทนก็ดึงดูดนักลงทุนไทยเข้าไปหาโอกาสลงทุนในไต้หวัน


กรุงเทพฯ 17 ส.ค. –“สงครามการค้า” ส่งผลนักลงทุนไต้หวันย้านฐานทั้งกลับประเทศ และมุ่งสู่ใต้ “อาเซียน-เอเชียใต้” ในขณะที่นโยบายปฎิรูปพลังงาน ขยายฐานพลังงานทดแทนก็ดึงดูดนักลงทุนไทยเข้าไปหาโอกาสลงทุนในไต้หวัน

ปัญหาสงครามการค้า”สหรัฐ-จีน” ที่มีการตั้งเก็บภาษีซึ่งกันและกันหลายระลอก ส่งผลให้นักลงทุนมีการเคลื่อนย้ายจากจีนไปประเทศอื่นๆมากยิ่งขึ้น ในส่วนของนักลงทุนไต้หวันก็เช่นกันมีการย้ายฐานทั้งกลับประเทศไต้หวัน และมองพื้นที่การลงทุนเข้ามาในอาเซียนและเอเชียใต้ ตาม”นโยบาย มุ่งใต้ไหม่”ของรัฐบาลไทเป ที่ประกาศได้ตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2559 และเพื่อรองรับผลกระทบไต้หวันได้ผลักดันงบประมาณ ในปี 2562 เกินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน เป็นครั้งแรก มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งนโยบาย ปฏิรูปพลังงาน ภายใต้ นโยบายพลังงานสีเขียว (Green Policy) ผลักดันการใช้พลังงานทดแทน ให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานทั้งหมด ภายใน 8 ปี(2561-2568 ) โดยเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการน้ำและพลังงานสีเขียวให้สมบูรณ์แบบและผลักดันโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคเพื่ออนาคต มูลค่ารวมกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน


นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ จีพีเอสซี เปิดเผยว่า ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศที่จีพีเอสซีให้ความสนใจศึกษาเพื่อเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะพลังงานทดแทน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของ กลุ่ม ปตท.ที่ต้องการลงทุนพลังงานสะอาดถึง 8 พันเมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ซึ่งคงต้องเข้าไปศึกษากฏระเบียบเป็นอย่างไร และเปิดรับนักลงทุนอย่างไรบ้าง โดยตามแผนของไต้หวันมีการส่งเสริมพลังงานทดแทนที่หลากหลาย เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เป็นต้น

ด้านสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งไต้หวัน (Industrail Technology Research Institute ;ITRI ) ระบุว่า ตามแผนงานของไต้หวันจะเพิ่มพลังงานทดแทน เป็นร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานทั้งหมดในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปี 2561ที่ 6420 เมกะวัตต์ เป็น  30,161 เมกะวัตต์ ซึ่งมีการอุดหนุนในรูปแบบ FIT แตกต่างกันไป เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ อุดหนุน มากกว่า 4 ดอลลาร์ไต้หวัน/หน่วย  ปลายแผนงานจะมีรวม 2 หมื่นเมกะวัตต์ พลังงานลมอุดหนุนประมาณ  3 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย มีรวม 6,938 เมกะวัตต์ เป็นรูปแบบพลังงานลมบนบกและในทะเล รวมทั้งมีพลังงานอื่นๆ อีกด้วย ในขณะที่ITRI มีการพัฒนางานวิจัยและพัฒนา ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีการขายเทคโนโลยี ทั่วโลกหนึ่งในเทคโนโลยี การกักเก็บพลังงาน (ENERGY Storage ) ก็มีบริษัทของไทย บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ หรืออีเอ ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ในการนำมาใช้กับรถยนต์อีวี ที่อีเอกำลังพัฒนา

นายเฉินหรงจิน   (Jong-Chin Shen )รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจแห่งไต้หวัน กล่าวว่าปัญหาสงครามการค้าทำให้นักลงทุนไต้หวันย้านฐานเป็นจำนวนมาก เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบต่างในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นสินค้าไฮเอนด์ ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกำหนดแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านต่างๆ โดยเฉพาะ”นโยบายมุ่งใต้ใหม่” จะรองรับการย้ายฐานได้ดี ซึ่งประเทศหลักที่นักลงทุนไต้หวันให้ความสนใจคือประเทศไทย,ฟิลิปปินส์  ,เวียดนาม ,อินโดนีเซีย ,มาเลเซีย ,อินโดนีเซีย และอินเดีย โดยขณะนี้มีอินเดียและฟิลิปปินส์เสนอแผนตอบรับจูงใจการลงทุนมาแล้ว โดยในส่วนของไทย ทางไต้หวันก็ต้องการเห็นแผนงานตอบรับที่ดี  โดยสิ่งที่นักลงทุนไต้หวันต้องการมากที่สุดคือ เมื่อเข้าไปลงทุนแล้วจะมีอะไรการันตี หรือรับรองได้ว่าเงินลงทุนจะไม่สูญเสีย 


“การย้ายฐานของนักลงทุนไต้หวันจากปัญหาเทรดวอร์ มีมูลค่านับแสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าด้านอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ก็หวังว่าทางไทยจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป โดยหากไทยการันตีด้านทรัพย์สินการลงทุน Cash Flow หรือมีสิทธิประโยชน์ที่ดี มีนิคมอุตสาหกรรมรองรับที่พร้อม ทางนักลงทุนก็จะนำมาพิจารณา ซึ่งที่ผ่านมาเราทราบเรื่องอีอีซีของไทยบ้าง แต่ก็อยากดูเรื่องการการันตี โดยขณะนี้ทางอินเดียและฟิลิปปินส์ได้มีการอัพเดตข้อมูลมาแล้ว”นายเฉินหรงจินกล่าว 

นายมงคล สุขเกษมไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไวร์มาสแตอร์อินดัสตรี้ (ไทยแลนด์ ) กล่าวว่า ในขณะนี้ทางบริษัทได้ขยายกิจการเข้าไปซื้อกิจการนิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ  ตำบลหนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี พื้นที่ 690ไร่ ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้เป็นเขตส่งเสริมอีอีซี เป็นนิคมฯรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต  อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ  โดยใช้เงินลงทุนแล้ว 2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการเข้าซื้อกิจการก็จะมีการขอเสนอปรับผังพื้นที่มาสเตอร์แพลนด์ จากผังของรายเดิม จึงต้องขออนุญาต กนอ.อีกรอบ ก่อนที่จะเข้าไปพัฒนาระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด คาดจะแบ่งพื้นที่เป็นกว่า 40 แปลง รวม 500 ไร่ ซึ่งมั่นใจว่าจากการที่รัฐบาลไทยส่งเสริมอีอีซี และปัญหา”เทรดวอร์” ประกอบกับบริษัทมีแผนจะโปรโมทโดยสร้างโรงงานรองรับนักลงทุนอย่างรวดเร็วภายใน 90 วัน จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นมาตรการที่จูงใจให้ขายพื้นที่นิคมฯได้อย่างรวดเร็ว -สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]