นนทบุรี 11 ส.ค. – พาณิชย์เผยเอฟทีเอดันมูลค่าการค้ากับประเทศคู่เจรจา ครึ่งแรกปี 62 สูงถึง 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ชี้อาเซียนครองแชมป์คู่เจรจาที่มีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถิติการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศคู่ค้า 17 ประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) พบว่า มูลค่าการค้ารวมของไทยกับ 17 ประเทศ ที่มีเอฟทีเอ สูงถึง 142,967.2 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นส่งออก 70,159.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 72,807.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประเทศคู่เอฟทีเอที่ไทยมีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาเซียน มีมูลค่าการค้า 53,557.2 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น และสินค้านำเข้าหลัก เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
2.จีน มีมูลค่าการค้า 37,853.4 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น และสินค้านำเข้าหลัก เช่น เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น 3.ญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้า 28,921.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกล เป็นต้น และสินค้านำเข้าหลัก เช่น เครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องจักรไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์
4. ออสเตรเลีย มีมูลค่าการค้า 7,113.6 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และสินค้านำเข้าหลัก เช่น น้ำมันดิบ สินแร่โลหะ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน เป็นต้น และ 5.เกาหลีใต้ มีมูลค่าการค้า 6,962.9 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น น้ำตาลทราย เครื่องปรับอากาศ เครื่องคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง และแผงวงจรไฟฟ้า สินค้านำเข้าหลัก เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรไฟฟ้า เป็นต้น
“จากสถานการณ์การค้าโลกปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง อยากให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกไทยหันมามองว่าจะใช้โอกาสที่ไทยทำเอฟทีเอ 18 ประเทศ คือ อาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เปรู ชิลี และล่าสุดฮ่องกงลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าส่งออกจากไทยแล้ว สร้างแต้มต่อทางการค้ากับคู่แข่งขันในตลาดต่างประเทศ” นางอรมน กล่าว.-สำนักข่าวไทย