ฝ่ายค้านวิจารณ์ ชวน ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง

รัฐสภา 8 ส.ค.-ที่ประชุมสภา พิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ สมาชิกให้ความสนใจอภิปราย ในหมวดหน้าที่และอำนาจของประธานสภา และรองประธานสภา ในเรื่องการทำหน้าที่ต้องเป็นกลาง โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่วิจารณ์การทำหน้าที่ของ “ชวน หลีกภัย” ในช่วงที่ผ่านมาไม่เป็นกลาง โต้ ไม่เคยดีแต่ปาก หน้าอย่างลับหลังอย่าง และภูมิใจไม่เคยซื้อเสียงเข้าสภา


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการถกเถียงกันในหมวด 1 เรื่องการเลือกประธานและรองประธาน ที่ให้ผู้ถูกเสนอชื่อกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะดำรงตำแหน่งต่อที่ประชุมในเวลาที่ประธานกำหนด โดยไม่มีการอภิปรายซึ่งมีส.ส.ขอสงวนคำแปรญัตติ โดยบางส่วนเสนอให้ตัดออก โดยให้เหตุผลว่าในอดีตก็ไม่เคยมีการแสดงวิสัยทัศน์  และเมื่อเทียบกับนายกรัฐมนตรี  และประธานศาลฎีกา ก็ไม่เคยมี จึงเห็นว่าไม่จำเป็น และส.ส.บางคนเสนอให้สามารถซักถามผู้ถูกเสนอชื่อได้ด้วย 

นายวิเชียร ชวลิต ประธานคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า เป็นการเพิ่มเข้ามาตั้งแต่ตอนยกร่าง โดยคณะกรรมาธิการเห็นว่าการแสดงวิสัยทัศน์เพื่อให้เกิดความสง่างาม และเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่จะมาเป็นประธานหรือรองประธาน เพราะส่วนใหญ่เป็นส.ส.มาหลายสมัย 


นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการฯ กล่าวว่า ต่อจากนี้ยุคสมัยเปลี่ยน และงานของประธานสภาไม่ใช่มีเฉพาะงานการเมืองเท่านั้น มีงานบริหารอีกมากมาย จึงเห็นว่าควรให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ และทราบว่าในส่วนของวุฒิสภาก็มีการแสดงวิสัยทัศน์ 

ในที่สุดจึงต้องลงมติ และที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามคณะกรรมาธิการฯคือยังคงให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องแสดงวิสัยทัศน์ ด้วยคะแนน 240 ต่อ 178 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง  

 จากนั้นพิจารณาหมวด 2 ซึ่งมี ส.ส.สงวนคำแปรญัตติในหมวดหน้าที่และอำนาจของประธานสภา และรองประธานสภา ในมาตรา 9 ที่กำหนดไว้ว่า ประธานของที่ประชุมต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือข้อบังคับอย่างเคร่งครัด 


โดย น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้เพิ่มเนื้อหาว่า หากประธานปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง มีความอคติ ให้สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน เสนอให้ที่ประชุมวินิจฉัยการปฏิบัติหน้าที่หรือการใช้อำนาจของประธานได้ โดยที่ประชุมต้องลงมติด้วยคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภา เพื่อให้ขอโทษและแก้ไข

ด้านส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ถือโอกาสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของนายชวนว่า ที่ผ่านมาทำหน้าที่ไม่เป็นกลางหลายกรณี

นายชวน จึงชี้แจงว่า ตนเป็นนักการเมืองเก่า แต่ก็ยังภาคภูมิใจว่าไม่เคยซื้อเสียง และไม่เห็นด้วยกับการซื้อเสียง บางคนพูดดี แต่เบื้องหลังทุจริตมา ซื้อเสียงมา ฉะนั้น สิ่งสำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้การเมืองดีขึ้น ตนไม่ใช่คนดีแต่ปาก ในสายตาของตนถ้าไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองเราคงเหลวแหลก เละเทะหมด ถ้าเราไปอยู่กับพวกโกงบ้านโกงเมืองก็จะมองว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่น่านับถือ  

“ผมเข้ามาเล่นการเมือง ไม่ใช่ไม่มีงานทำ แต่ตัดสินใจเพื่อเป็นนักการเมือง โดยเป็นหนี้บุญคุณคน จ.ตรัง เป็นหนี้บุญคุณคนภาคใต้ เป็นหนี้บุญคุณพี่น้องทั้งประเทศ เพื่อมาทำงานการเมือง ฉะนั้น ท่านอย่าประเมินว่า คนที่มาแบบนี้ไม่น่าเชื่อถือ ผมอยากให้ใครก็ตามย้อนกลับดูตัวเองว่า แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าไปหวังว่า ทุกคนจะเหมือนกัน เราอย่าไปตำหนิคนอื่น เพราะสำคัญที่ตัวเราเอง อย่าประพฤติปฏิบัติแบบที่เราไม่เห็นด้วย ผมไม่ใช่พวกพูดอย่างลับหลังอย่าง ปากบอกสุจริตลับหลังซื้อเสียง” นายชวน กล่าว

นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ประธานสภาฯ ทำผิดข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 5 ทำเหมือนเป็นผู้อภิปรายเสียเอง ทำให้เสียเวลาการประชุมมา 2 ชั่วโมงกว่า 

นายชวน ชี้แจงว่า ตนมีสิทธิ์ป้องกันตัวเอง เรื่องที่ไม่จริงก็คือไม่จริง ถ้าตนชี้เรื่องใดก็ยอมรับว่าชี้นำ เรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากการแนะนำเรื่องตั้งกรรมาธิการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ก็ไม่เคยชี้นำเรื่องใด

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่า ขอให้พิจารณาร่างข้อบังคับต่อไป ไม่เช่นนั้นจะถกเถียงกันมาก  หากมีกรณีที่ประธานสภาฯ วางตัวไม่เป็นกลางจริง ๆ ตนก็จะเดินออกจากห้องประชุม แต่ไม่ไปลากเก้าอี้ประธานและเขวี้ยงแฟ้มใส่ประธาน 

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายเป็นห่วงที่ กรรมาธิการฯอ้างว่า ให้ประธานสภาฯวางตนเป็นกลาง เพราะเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดบทบาทของประธานสภาฯ ไว้แล้ว หากกรรมาธิการพิจารณา จะเห็นได้ชัดเจนว่า คนที่จะเป็นประธานสภาฯ ก็ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด ดังนั้น คนที่สมาชิกเลือกเป็นประธาน ก็ต้องเชื่อมั่นจะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง แต่ตนสงสัยว่า เหตุใดกรรมาธิการฯ จึงแก้ไขบทบัญญัติไปจากข้อบังคับเดิม ซึ่งหากส่งเสริมให้ประธานสภาฯ วางตัวเป็นกลางนั้น ตนก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ควรไปคิดในเรื่องบทบัญญัติจริยธรรมของประธานสภาฯ ไม่ใช่นำมาเขียนในหมวดหน้าที่และอำนาจของประธานสภา  จึงขอให้กรรมาธิการฯถอนในสิ่งที่กรรมาธิการฯ เขียนเพิ่มขึ้นมา ให้เรื่องการวางตัวเป็นกลางอยู่ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญก็เพียงพอ

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า หากเขียนการทำหน้าที่ของประธานสภาฯไว้ชัดเจน ไม่ว่าใครจะทำหน้าที่ประธาน ก็จะทำหน้าที่ได้อย่างไม่บกพร่อง ส่วนตัวจึงเห็นด้วยให้บรรจุคำที่กำหนดว่าให้ประธานสภาฯทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง เชื่อว่า ทุกคนอยากเห็นการทำหน้าที่อย่างสง่างาม 

จากนั้น ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติไม่เห็นชอบให้ประเด็นการวางตัวเป็นกลางในข้อบังคับฯนั้น คงไว้ตามร่างเดิม ก่อนที่กรรมาธิการฯแก้ไข ด้วยคะแนน 205 ต่อ 204 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง

นายชวน จึงสรุปให้สมาชิกเข้าใจว่า การลงมติครั้งนี้ หมายความว่า สภาฯได้เห็นชอบตามที่กรรมาธิการฯ แก้ไข ที่กำหนดในร่างข้อบังคับฯให้ประธานของที่ประชุมต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือข้อบังคับอย่างเคร่งครัด 

จากนั้น นายชวนได้ขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติว่า จะเห็นชอบตามที่กรรมาธิการแก้ไข หรือเห็นชอบตามที่มี ส.ส.สงวนคำแปรญัตติ ท้ายที่สุด ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบให้หมวดดังกล่าวเป็นไปตามที่กรรมาธิการแก้ไขคือที่กำหนดในร่างข้อบังคับฯให้ประธานของที่ประชุมต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ด้วยคะแนน 409 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง 

จากนั้น นายชวนแจ้งต่อที่ประชุมว่า ในมาตรา 10 ไม่มีผู้สงวนคำแปรญัตติขอแก้ไข แต่เชื่อว่าใน มาตรา 11 จะมีผู้ปรายจำนวนมาก จึงได้ขอเลื่อนการพิจารณาไปในสัปดาห์หน้าแล้วสั่งปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเวลา 17.50 น..-สำนักข่าวไทย              

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“จิรายุ” ไม่เชิญแล้ว “ไมเคิล” บอก “จบข่าวไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย”

กทม. 17 ส.ค. – “จิรายุ” ยันรัฐบาลเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี ดูจุดกัมพูชาถล่มพื้นที่พลเรือน ส่วนกรณี “ไมเคิล” บอก “จบข่าว” ไม่เชิญมาแล้ว หลังอ้างตัวเป็น “สื่อประจำทำเนียบขาว” ที่แท้เป็นล็อบบี้ยิสต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้า ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะเชิญสื่อมวลชนระดับโลกไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ที่ไลฟ์สดชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้วยการเซตฉากและกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว “สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลมีการไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตนเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้พบว่านายไมเคิล ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึงประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป” นายจิรายุ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]