ฝ่ายค้านวิจารณ์ ชวน ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง

รัฐสภา 8 ส.ค.-ที่ประชุมสภา พิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ สมาชิกให้ความสนใจอภิปราย ในหมวดหน้าที่และอำนาจของประธานสภา และรองประธานสภา ในเรื่องการทำหน้าที่ต้องเป็นกลาง โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่วิจารณ์การทำหน้าที่ของ “ชวน หลีกภัย” ในช่วงที่ผ่านมาไม่เป็นกลาง โต้ ไม่เคยดีแต่ปาก หน้าอย่างลับหลังอย่าง และภูมิใจไม่เคยซื้อเสียงเข้าสภา


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการถกเถียงกันในหมวด 1 เรื่องการเลือกประธานและรองประธาน ที่ให้ผู้ถูกเสนอชื่อกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะดำรงตำแหน่งต่อที่ประชุมในเวลาที่ประธานกำหนด โดยไม่มีการอภิปรายซึ่งมีส.ส.ขอสงวนคำแปรญัตติ โดยบางส่วนเสนอให้ตัดออก โดยให้เหตุผลว่าในอดีตก็ไม่เคยมีการแสดงวิสัยทัศน์  และเมื่อเทียบกับนายกรัฐมนตรี  และประธานศาลฎีกา ก็ไม่เคยมี จึงเห็นว่าไม่จำเป็น และส.ส.บางคนเสนอให้สามารถซักถามผู้ถูกเสนอชื่อได้ด้วย 

นายวิเชียร ชวลิต ประธานคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า เป็นการเพิ่มเข้ามาตั้งแต่ตอนยกร่าง โดยคณะกรรมาธิการเห็นว่าการแสดงวิสัยทัศน์เพื่อให้เกิดความสง่างาม และเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่จะมาเป็นประธานหรือรองประธาน เพราะส่วนใหญ่เป็นส.ส.มาหลายสมัย 


นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการฯ กล่าวว่า ต่อจากนี้ยุคสมัยเปลี่ยน และงานของประธานสภาไม่ใช่มีเฉพาะงานการเมืองเท่านั้น มีงานบริหารอีกมากมาย จึงเห็นว่าควรให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ และทราบว่าในส่วนของวุฒิสภาก็มีการแสดงวิสัยทัศน์ 

ในที่สุดจึงต้องลงมติ และที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามคณะกรรมาธิการฯคือยังคงให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องแสดงวิสัยทัศน์ ด้วยคะแนน 240 ต่อ 178 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง  

 จากนั้นพิจารณาหมวด 2 ซึ่งมี ส.ส.สงวนคำแปรญัตติในหมวดหน้าที่และอำนาจของประธานสภา และรองประธานสภา ในมาตรา 9 ที่กำหนดไว้ว่า ประธานของที่ประชุมต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือข้อบังคับอย่างเคร่งครัด 


โดย น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้เพิ่มเนื้อหาว่า หากประธานปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง มีความอคติ ให้สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน เสนอให้ที่ประชุมวินิจฉัยการปฏิบัติหน้าที่หรือการใช้อำนาจของประธานได้ โดยที่ประชุมต้องลงมติด้วยคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภา เพื่อให้ขอโทษและแก้ไข

ด้านส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ถือโอกาสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของนายชวนว่า ที่ผ่านมาทำหน้าที่ไม่เป็นกลางหลายกรณี

นายชวน จึงชี้แจงว่า ตนเป็นนักการเมืองเก่า แต่ก็ยังภาคภูมิใจว่าไม่เคยซื้อเสียง และไม่เห็นด้วยกับการซื้อเสียง บางคนพูดดี แต่เบื้องหลังทุจริตมา ซื้อเสียงมา ฉะนั้น สิ่งสำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้การเมืองดีขึ้น ตนไม่ใช่คนดีแต่ปาก ในสายตาของตนถ้าไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองเราคงเหลวแหลก เละเทะหมด ถ้าเราไปอยู่กับพวกโกงบ้านโกงเมืองก็จะมองว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่น่านับถือ  

“ผมเข้ามาเล่นการเมือง ไม่ใช่ไม่มีงานทำ แต่ตัดสินใจเพื่อเป็นนักการเมือง โดยเป็นหนี้บุญคุณคน จ.ตรัง เป็นหนี้บุญคุณคนภาคใต้ เป็นหนี้บุญคุณพี่น้องทั้งประเทศ เพื่อมาทำงานการเมือง ฉะนั้น ท่านอย่าประเมินว่า คนที่มาแบบนี้ไม่น่าเชื่อถือ ผมอยากให้ใครก็ตามย้อนกลับดูตัวเองว่า แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าไปหวังว่า ทุกคนจะเหมือนกัน เราอย่าไปตำหนิคนอื่น เพราะสำคัญที่ตัวเราเอง อย่าประพฤติปฏิบัติแบบที่เราไม่เห็นด้วย ผมไม่ใช่พวกพูดอย่างลับหลังอย่าง ปากบอกสุจริตลับหลังซื้อเสียง” นายชวน กล่าว

นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ประธานสภาฯ ทำผิดข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 5 ทำเหมือนเป็นผู้อภิปรายเสียเอง ทำให้เสียเวลาการประชุมมา 2 ชั่วโมงกว่า 

นายชวน ชี้แจงว่า ตนมีสิทธิ์ป้องกันตัวเอง เรื่องที่ไม่จริงก็คือไม่จริง ถ้าตนชี้เรื่องใดก็ยอมรับว่าชี้นำ เรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากการแนะนำเรื่องตั้งกรรมาธิการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ก็ไม่เคยชี้นำเรื่องใด

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่า ขอให้พิจารณาร่างข้อบังคับต่อไป ไม่เช่นนั้นจะถกเถียงกันมาก  หากมีกรณีที่ประธานสภาฯ วางตัวไม่เป็นกลางจริง ๆ ตนก็จะเดินออกจากห้องประชุม แต่ไม่ไปลากเก้าอี้ประธานและเขวี้ยงแฟ้มใส่ประธาน 

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายเป็นห่วงที่ กรรมาธิการฯอ้างว่า ให้ประธานสภาฯวางตนเป็นกลาง เพราะเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดบทบาทของประธานสภาฯ ไว้แล้ว หากกรรมาธิการพิจารณา จะเห็นได้ชัดเจนว่า คนที่จะเป็นประธานสภาฯ ก็ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด ดังนั้น คนที่สมาชิกเลือกเป็นประธาน ก็ต้องเชื่อมั่นจะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง แต่ตนสงสัยว่า เหตุใดกรรมาธิการฯ จึงแก้ไขบทบัญญัติไปจากข้อบังคับเดิม ซึ่งหากส่งเสริมให้ประธานสภาฯ วางตัวเป็นกลางนั้น ตนก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ควรไปคิดในเรื่องบทบัญญัติจริยธรรมของประธานสภาฯ ไม่ใช่นำมาเขียนในหมวดหน้าที่และอำนาจของประธานสภา  จึงขอให้กรรมาธิการฯถอนในสิ่งที่กรรมาธิการฯ เขียนเพิ่มขึ้นมา ให้เรื่องการวางตัวเป็นกลางอยู่ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญก็เพียงพอ

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า หากเขียนการทำหน้าที่ของประธานสภาฯไว้ชัดเจน ไม่ว่าใครจะทำหน้าที่ประธาน ก็จะทำหน้าที่ได้อย่างไม่บกพร่อง ส่วนตัวจึงเห็นด้วยให้บรรจุคำที่กำหนดว่าให้ประธานสภาฯทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง เชื่อว่า ทุกคนอยากเห็นการทำหน้าที่อย่างสง่างาม 

จากนั้น ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติไม่เห็นชอบให้ประเด็นการวางตัวเป็นกลางในข้อบังคับฯนั้น คงไว้ตามร่างเดิม ก่อนที่กรรมาธิการฯแก้ไข ด้วยคะแนน 205 ต่อ 204 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง

นายชวน จึงสรุปให้สมาชิกเข้าใจว่า การลงมติครั้งนี้ หมายความว่า สภาฯได้เห็นชอบตามที่กรรมาธิการฯ แก้ไข ที่กำหนดในร่างข้อบังคับฯให้ประธานของที่ประชุมต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือข้อบังคับอย่างเคร่งครัด 

จากนั้น นายชวนได้ขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติว่า จะเห็นชอบตามที่กรรมาธิการแก้ไข หรือเห็นชอบตามที่มี ส.ส.สงวนคำแปรญัตติ ท้ายที่สุด ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบให้หมวดดังกล่าวเป็นไปตามที่กรรมาธิการแก้ไขคือที่กำหนดในร่างข้อบังคับฯให้ประธานของที่ประชุมต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ด้วยคะแนน 409 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง 

จากนั้น นายชวนแจ้งต่อที่ประชุมว่า ในมาตรา 10 ไม่มีผู้สงวนคำแปรญัตติขอแก้ไข แต่เชื่อว่าใน มาตรา 11 จะมีผู้ปรายจำนวนมาก จึงได้ขอเลื่อนการพิจารณาไปในสัปดาห์หน้าแล้วสั่งปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเวลา 17.50 น..-สำนักข่าวไทย              

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ : ไทย-กัมพูชา กับบทบาทใหม่ของเศรษฐกิจ

ใครพึ่งใคร? – วิเคราะห์แรงกดดันเศรษฐกิจชายแดนต่อกัมพูชา หลังไทยจำกัดการข้ามแดน กรณีพิพาทบริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี แม้เคยเกิดเหตุปะทะเล็กน้อยระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย แต่ในเวลาต่อมา กัมพูชาตัดสินใจถอยกำลังออกจากพื้นที่ โดยไม่มีการยกระดับความขัดแย้ง กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของ “ความมั่นคงยุคใหม่” ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเป็นตัวตัดสิน หากแต่เกิดจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ไทยเลือกใช้ แทนการเผชิญหน้าด้วยแสนยานุภาพ ผ่าน “มาตรการจำกัดการข้ามแดน” ที่บีบช่องทางการเคลื่อนย้ายคน สินค้า และระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะที่ด่านอรัญประเทศ – จุดยุทธศาสตร์ซึ่งถือเป็นหัวใจของการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา จุดเปลี่ยน : เมื่อเศรษฐกิจกลายเป็นเครื่องมือของความมั่นคงไทยเลือกใช้ “แรงบีบเชิงเศรษฐกิจโดยสันติวิธี” เป็นกลยุทธ์กดดันคู่ขนานกับการเจรจา ผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ : ไทยยังส่งสัญญาณชัดว่า พร้อมจะยกระดับมาตรการเหล่านี้ หากสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังตึงเครียด มาตรการซึ่งสำหรับกัมพูชาแล้ว เปรียบเสมือนกดทับ “เส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ” ของฝั่งตะวันตกที่ต้องพึ่งพาการค้าข้ามแดนจากไทยเป็นหลัก ไทย : ผู้ถือ “กุญแจด่าน” และพลังการค้าข้ามพรมแดนข้อได้เปรียบของไทยยิ่งชัดเจน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการค้าข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ (เมษายน 2568) ระบุว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 64,612 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น […]

ลุ้นมติแพทยสภาวันนี้ ปมลงโทษ 3 หมอกรณีชั้น 14

กทม. 12 มิ.ย.-ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เริ่มการประชุมแล้ว โดยวาระที่ต้องจับตา คือการลงมติชี้ขาดโทษแพทย์ 3 ราย กรณีรักษา “ทักษิณ” ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กรรมการแพทยสภา เริ่มทยอยเดินทางเข้าห้องประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา การประชุมคณะกรรมการบริหารแพทยสภา จัดขึ้นทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 ของทุกเดือน โดยวันนี้มีวาระที่สังคมจับตา คือการพิจารณามติลงโทษแพทย์ 3 คน จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร บนชั้น 14 หลังจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข วีโต้คัดค้านความเห็นมติการลงโทษแพทย์ทั้ง 3 รายในการประชุมครั้งที่แล้ว โดยวันนี้มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ จะเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมในเวลา 12.00 น. โดยมีเวลา 15 นาทีในการชี้แจง จากนั้นต้องออกจากห้องประชุมทันที เพราะเป็นการประชุมลับ รศ.พญ.ประสบศรี อึ่งถาวร หนึ่งในกรรมการแพทยสภาโดยเลือกตั้ง ให้ข้อมูลก่อนเข้าประชุมว่า การที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภาจะเข้าร่วมการประชุม ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะที่ผ่านมา […]

ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตกลางวงสังสรรค์ที่อิสราเอล

อุดรธานี 12 มิ.ย. – ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตที่อิสราเอล นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องลูกสาว จู่ๆ วูบดับคาโต๊ะกลางวงสังสรรค์ เชื่อทำงานต่างแดน โหมงานหนักจนเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎาง พูนเจ๊กมะดัน อายุ 39 ปี ชาวบ้านลานเต อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ขณะไปทำงานที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ประกันสังคมจังหวัด แรงงานจังหวัด และผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายกฤษฎาง เคยเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลเมื่อปี พ.ศ.2553 โดยบริษัทจัดหางานจัดส่ง ต่อมาได้เดินทางไปทำงานในประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 ภายหลังได้รับการติดต่อจากนายจ้างในรัฐอิสราเอลให้เดินทางกลับไปทำงานอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าไปทำงานต่อในรัฐอิสราเอลเมื่อ ม.ค.68 ในส่วนข้อมูลประกันสังคมพบข้อมูลผู้เสียชีวิตสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และมีเงินสะสมกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน […]

ร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายที่เสียชีวิตในกาซา ถึงไทยแล้ว

11 มิ.ย. – ร่างแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ถึงไทยแล้ว ด้านกระทรวงแรงงาน เผยเร่งช่วยเหลือครอบครัวและทายาท ร่างของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย มารอรับ และร่วมวางพวงหรีดหน้าหีบศพเพื่อแสดงความอาลัย โดยนายณัฐพงษ์ เป็นตัวประกันแรงงานไทยรายสุดท้ายที่ค้นพบร่างและสามารถส่งกลับไทยได้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ทายาทจะได้รับ คือ 1.ในส่วนของสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีแรงงานเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับเงินชดเชย ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการฝังศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 47,000 บาท (1,300 USD), เงินช่วยเหลือการเป็นม่าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท, เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่นๆ […]