กรุงเทพฯ 1 ส.ค.- “กองปราบ จับกุมลุงแสบ หลอกสั่งของ แล้วเชิดหนี ภายหลังพบประวัติอื้อซ่า”
นายสุริยะ โยธินชวโร อายุ 76 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” รวม 4 หมาย
โดยพฤติการณ์ในคดี สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวก อีก 3 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ได้ทำทีโทรมาติดต่อขอซื้อเครื่องเชื่อมเหล็กกับผู้เสียหายมูลค่ากว่า 150,000 บาท โดยหลอกว่าเป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จะขอซื้อเครื่องเชื่อมเหล็กเพื่อไปใช้ในโครงการของหมู่บ้าน โดยจะขอจ่ายเป็นเงินสด แต่พอผู้เสียหายนำของมาส่ง ผู้ต้องหากลับขอจ่ายเป็นเช็คแทน โดยผู้ต้องหาจะเลือกนัดวันรับของจากผู้เสียหายให้ตรงกับวันหยุดราชการ เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายสามารถตรวจสอบกับธนาคารได้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปเบิกเงินกับธนาคาร ปรากฏว่า บัญชีดังกล่าวได้ถูกปิดไปนานแล้ว ผู้เสียหายได้พยายามโทรติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงรู้ว่าถูกหลอก และได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาจะเข้ามาห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาพาต้าปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร บ่อยครั้งเพื่อมากดเงิน จึงได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบผู้ต้องหาเดินเข้าภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การ ภาคเสธ โดยให้การว่า ตนเป็นเพียงพนักงานคอยรับส่งของเท่านั้น โดยจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 2,000-3,000 บาท
และจากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา พบว่า ผู้ต้องหานี้มีหมายจับ ทั้งสิ้น 18 หมาย และยังไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดี จำนวน 4 หมายดังกล่าวข้างต้น โดยผู้ต้องหาเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของตำรวจนครบาลจับกุมตัวได้ และศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุกผู้ต้องหา เมื่อพ้นโทษออกมาแล้วก็ยังหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆ ในลักษณะเดียวกันเรื่อยมา โดยแต่ละรายจะได้รับความเสียหายมูลค่ากว่า 100,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย