พรรคเพื่อไทย 30 ก.ค.-“คุณหญิงสุดารัตน์”ยืนยันไม่มีรอยร้าวในพรรคเพื่อไทย ปม ส.ส.อภิปรายไม่ครบถ้วน ชี้เวลาแถลงนโยบายรัฐบาลน้อยเกินไป จ่อดำเนินการทางกฎหมาย หลังพบการอภิปรายเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่พอใจการแบ่งเวลาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะมีการแบ่งเวลากันแล้ว แต่เข้าใจว่าระหว่างการอภิปราย มีการประท้วงขึ้นและอาจจะเกินเวลา จึงทำให้คนที่อภิปรายถัดไปได้เวลาน้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่เชื่อว่าจะทำความเข้าใจกันได้ เพราะพรรคเพื่อไทยอยากให้ ส.ส.ทุกคนได้อภิปราย
“ขอยืนยันว่าทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน ไม่มีใครเป็นเด็กใคร หรือมีสิทธิ์มากกว่าใคร แต่ขึ้นอยู่ที่หัวข้อมากกว่า แต่เสียดายที่เวลาน้อย ซึ่งประธานรัฐสภา และฝ่ายรัฐบาล ควรต้องเห็นใจฝ่ายค้าน เพราะเป็นคนรับเรื่องของประชาชนมาชี้แจงกับสภา จึงควรให้เวลาอย่างเต็มที่” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะคุยกับฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หลังพบว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมในวันนี้ (30 ก.ค.) ทั้งหมด 3 ประเด็นก่อนจะมีการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.)
“ปัญหาอยู่ที่เวลาอภิปรายที่จัดขึ้นนั้นน้อยเกินไป ซึ่งไม่ใช่เพียง ส.ส. แต่ผู้บริหารพรรคยังมีประเด็นที่ยังไม่ได้พูดครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งกำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องกำหนดที่มางบประมาณ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลไม่ได้ทำตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม หากรัฐบาลนี้ได้กลับมาเป็นฝ่ายค้านคงต้องถูกเล่นงานทางกฎหมาย อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลยังเป็นเหมือนการเขียนคำนำ เพราะเนื้อหาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และไม่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรมนุษย์ และการรองรับเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นการเขียนนโยบายที่กว้างแบบนี้มาก่อน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
สำหรับบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการชี้แจงนโยบายรัฐบาลนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน แต่ส่วนตัวมี 2 เรื่องที่มองเห็น คือ การไม่เข้าใจในระบบรัฐสภา และสะท้อนว่าสภาเป็นเสมือน “สภาตรายาง” ที่นายกรัฐมนตรีสามารถลุกขึ้นมาชี้นำ ว่ากล่าวได้ ซึ่งความจริงแล้วรัฐสภามีหลักเกณฑ์ มีข้อบังคับที่ต้องทำตาม แต่นายกรัฐมนตรีไม่เคยทำ โดยนายกรัฐมนตรีเองก็พูดว่าต้องเรียนรู้ใหม่ ทั้งที่เป็นกฎเกณฑ์เดียวกันมาตลอด 5 ปี เพราะอาจจะเป็นการพูดกับคนที่ตัวเองตั้งขึ้นมา แต่ต่อไปนี้เป็นการพูดกับประชาชน นายกรัฐมนตรีควรจะเคารพและให้เกียรติกันและกัน รวมถึงควรมีการควบคุมอารมณ์ด้วย
ส่วนที่มองว่าการอภิปรายครั้งนี้กลายเป็นดาวสภาไปอยู่ที่ทางพรรคอนาคตใหม่มากกว่านั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็เป็นดาวสภาทุกครั้ง และการทำหน้าที่ต้องแบ่งกันให้ครบถ้วน เพราะฝ่ายค้านมีพรรคร่วมหลายพรรคและไม่อยากผูกขาดเพียงพรรคเดียว.-สำนักข่าวไทย