เอกชนกังวลนโยบายขึ้นค่าแรง

กรุงเทพฯ 26 ก.ค. – หอการค้าไทยหวั่นปรับค่าจ้างแรงงานต่ำขึ้น 400 บาท กระทบวงกว้าง เสนอ 8 ข้อให้รัฐบาลพิจารณาทุกด้านอย่างรอบคอบ


นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์แรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลได้มีกระแสข่าวอย่างต่อเนื่องถึงการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวันทั่วประเทศ ซึ่งสร้างความสับสนและความกังวลใจต่อทุกภาคส่วนที่มีการจ้างแรงงาน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ภาคเกษตรกรรม ภาคบริการ และภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งประชาชนทั่วไป มีความเป็นห่วงว่าค่าครองชีพจะสูงขึ้น ต่างมีเสียงสะท้อนแสดงความไม่เห็นด้วย จนมีการตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสมและความถูกต้องถึงวิธีการที่ได้มาของการใช้อัตราค่าจ้างตามกระแสข่าว

ทั้งนี้ หากขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเกิน 400 บาทจริงถือเป็นการเพิ่มเงินจากผู้ประกอบการเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 20,000 ล้านบาท หากเป็นปีกว่า 200,000 ล้านบาท ถือเป็นเงินเข้าระบบไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันสร้างภาระต้นทุนต่าง ๆ มากขึ้นและยังจะกระทบต่อความเชื่อมั่นที่ต่างชาติจะไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย


นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้สำรวจความคิดเห็นต่อประเด็นการปรับค่าจ้างขั้นต่ำจากสมาชิกทั่วประเทศ ประกอบด้วย หอการค้าจังหวัด 76 จังหวัด หอการค้าต่างประเทศ 35 ประเทศ สมาคมการค้า 138 สมาคม สมาชิกผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 1,355 กลุ่มครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ผลการสำรวจเป็นการยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน คือ ร้อยละ 93.9 ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการปรับค่าจ้างขั้นต่ำในอัตรา 400 บาทต่อวันตามกระแสข่าว โดยมีความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลที่เกี่ยวข้องอัตราค่าจ้าง ดังนี้

1.การปรับขึ้นอัตราค่าจ้าง ควรยึดตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยผ่านกลไกการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) และคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ควรมาจากการสรรหาที่แท้จริง และควรเป็นองค์กรอิสระที่สามารถดำเนินการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ และขอให้ทบทวนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการไตรภาคี


2.การปรับอัตราค่าจ้างโดยไม่มีการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ส่งผลต่อการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงที่สุดในอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลควรมีการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทุกมิติก่อนที่จะมีการพิจารณาประกาศขึ้นอัตราค่าจ้างทุกครั้ง 3.การปรับอัตราค่าจ้างที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง เป็นปัจจัยลบส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจของนักลงทุนไทยและต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังมีปัญหาจากปัจจัยหลายประการที่มีความผันผวน อาทิ ค่าเงินบาท และสงครามการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ เป็นต้น

 4.การปรับอัตราค่าจ้างที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการจ้างงานทั้งระบบ และทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะภาคเกษตร ภาคบริการ ภาคท่องเที่ยว และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งมี 3,046,793 ราย โดยปี 2560 สร้างมูลค่าให้ประเทศ 6.5 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.4 ของสัดส่วน GDP ทั้งประเทศ และยังจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มแรงงานเดิม พนักงานรายเดือน กลุ่มพนักงานราชการ และพนักงานของรัฐในตำแหน่งต่าง ๆ ด้วย

5.การปรับอัตราค่าจ้างที่เกินพื้นฐานสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจและสังคมจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีผลให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นตาม (เนื่องจากมีการใช้แรงงานในทุกห่วงโซ่ของเศรษฐกิจ) 6.การปรับค่าจ้างควรพิจารณาจากทักษะฝีมือแรงงานตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และให้กระทรวงแรงงาน เร่งส่งเสริมการกำหนดอัตราค่าจ้างมาตรฐานฝีมือแรงงานเพิ่มขึ้นให้ครบทุกอุตสาหกรรม ปัจจุบันมี 241 สาขา

7.รัฐบาลควรเร่งกำหนดใช้ “อัตราค่าจ้างแรกเข้า” ในการประกาศใช้อัตราค่าจ้างครั้งต่อไปแทน “อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ” ทันที ตามนโยบายเร่งด่วนเรื่องการยกระดับศักยภาพของแรงงาน และควรกำหนดนิยามของ “อัตราค่าจ้างแรกเข้า” ที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม หลังจากกำหนดใช้อัตราค่าจ้างแรกเข้าแล้ว กระทรวงแรงงานต้องเร่งจัดทำโครงสร้างกระบอกเงินเดือนมาตรฐาน ที่สัมพันธ์กับค่าจ้างแรกเข้าของแต่ละจังหวัด เพื่อเป็นแนวทางสำหรับแต่ละภาคส่วนที่ใช้แรงงาน และส่งเสริมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการทุกระดับสามารถนำไปใช้ปรับค่าจ้างประจำปีให้เหมาะสมกับการจ้างงานได้ และ 8.รัฐบาลควรส่งเสริม การจัดอบรม และมีมาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการและแรงงาน ให้ความสำคัญกับการ UP-Skill Re-Skill และ New-Skill เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานเพื่อมุ่งไปสู่การปรับค่าจ้างตามโครงสร้างกระบอกเงินเดือน

ทั้งนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาชิกผู้ประกอบการทุกจังหวัดทั่วประเทศ เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลในการยกระดับศักยภาพของแรงงาน รวมทั้งรายได้ของแรงงาน  เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ใช้แรงงานทั้งหมด การปรับขึ้นค่าจ้างควรคำนึงถึงทักษะฝีมือแรงงาน สภาพเศรษฐกิจ อัตราค่าครองชีพ ยุทธศาสตร์ของแต่ละจังหวัดเป็นสำคัญ และควรเป็นไปตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

มวลชนไม่ท้อ! ฝนถล่มกางร่มฟังปราศรัย

28 มิ.ย.- ไม่ท้อ! อนุสาวรีย์ชัยฯ ฝนตกหนัก มวลชนกางร่มฟังปราศรัย ปักหลักชุมนุมต่อเนื่อง เตรียมร่วมกิจกรรมร้องเพลงชาติไทย เวลา 18.00 น. วันนี้ (28 มิ.ย. 68) เวลาประมาณ 16.30 น. ฝนตกหนักบางช่วงในพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย” บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขณะที่ แกนนำสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมประกาศ 3 ข้อเรียกร้องหลัก คือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และประชาชนลุกขึ้นปกป้องอธิปไตย สำหรับไฮไลท์ช่วงเย็นวันนี้ หลังร้องเพลงชาติ เวลา 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์และมีแกนนำขึ้นปราศรัยใหญ่ ก่อนยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น. -สำนักข่าวไทย

แนวร่วมเริ่มปราศรัย! จนท.เข้มปลอดภัย-จราจรหนึบ

กทม. 28 มิ.ย.- กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปักหลักชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ จับตาไฮไลท์ช่วงเย็นแกนนำขึ้นปราศรัย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด กิจกรรมเวทีชุมนุมกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย​ เริ่มตั้งแต่ 10.00 น.​ เป็นพิธีทางศาสนาอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรบุรุษชาติทหาร​ ก่อนที่ในช่วงเที่ยงจะมีการปราศรัยจากแนวร่วมผู้ชุมนุม ขึ้นสลับสับเปลี่ยนกัน​ แต่ไฮไลท์ของกิจกรรมจะอยู่ช่วงเย็น​ หลังร้องเพลงชาติ 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์ จากนั้นระดับแกนนำจะสลับกันขึ้นปราศรัย อาทิ นายสนธิ​ ลิ้มทองกุล​ นายปานเทพ​ พัวพงษ์พันธ์ นายสมชาย​ แสวงการ นายเจษ โทณวณิก​ นายนิธร​ ล้ำเหลือ และปิดท้ายด้วยนายจตุพร​ พรหมพันธุ์ โดยจะปิดเวทีเวลา 21.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. นำคณะเดินทางจากสะพานชมัยมารุเชฐ แถวทำเนียบรัฐบาล มาสมทบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมกล่าวถึงภาพรวมการชุมนุม โดยยอมรับว่าได้รับรายงานเรื่องการตั้งด่านสกัด เพื่อไม่ให้เดินทางเข้ามาร่วม พร้อมย้ำการชุมนุมครั้งนี้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการชุมนุมของบ้านเมือง รักประเทศ และย้ำว่าการชุมนุมไม่มีท่อน้ำเลี้ยงจากกลุ่มองค์กรใด แต่เป็นท่อน้ำเลี้ยงที่มาจากเงินบริจาคของประชาชน ขณะเดียวกันไม่กังวลกลุ่มที่จะมาป่วน ด้าน […]

น้ำท่วมพญาเม็งรายเริ่มลด แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน

เชียงราย 28 มิ.ย.- เริ่มคลี่คลาย! สถานการณ์น้ำท่วมพญาเม็งราย จ.เชียงราย เช้านี้ระดับน้ำลดลงแล้วกว่า 80% แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้ เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงไปแล้วกว่า 80% เหลือเพียงคราบโคลนจำนวนมากที่ยังปกคลุมที่อยู่อาศัยและถนนหลายสาย เช้านี้มีฝนตกโปรยปรายต่อเนื่อง  ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ยังคงเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ เนื่องจากขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น น้ำสะอาด อุปกรณ์ทำครัว และแหล่งพลังงาน จึงขอรับการสนับสนุนอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฟื้นฟูพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้มณฑลทหารบกที่ 37 ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นแล้ว ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักอีกครั้ง -สำนักข่าวไทย

นายกฯ บินเชียงรายตรวจน้ำท่วม ไม่กังวลม็อบขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ

บน.6 ดอนเมือง 28 มิ.ย.- นายกฯ นำคณะตรวจน้ำท่วมเชียงราย ไม่กังวลม็อบชุมนุมขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ ยินดีคุยด้วยสันติวิธี เช้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ หลังฝนตกหนัก ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทย ก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ วันนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เรียกร้องให้ตนเองลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ขอให้หน่วยงานความมั่นคงช่วยดูแลให้สงบเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ยังไม่มีอะไรนะคะ” ก่อนย้อนถามว่า “มีอะไรแล้วหรือคะ” เป็นปกติ ก็เป็นสิทธิอยู่แล้ว ซึ่งได้บอกให้ดูให้เรียบร้อย ไม่อยากให้มีความรุนแรง ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าคิดว่าการชุมนุมนี้จะบานปลายหรือไม่ เพราะเป็นการรวมพลังกันของหลายกลุ่ม นายกฯ กล่าวว่า ก็หวังว่าจะไม่มี ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า ธงของการชุมนุมครั้งนี้คือต้องการให้นายกรัฐมนตรี ลาออก […]