ชาวอยุธยาร้องผู้ตรวจฯ สอบ “อธิบดีกรมศิลป์-ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์ฯ”

สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 22 ก.ค.-  ชาวอยุธยา ร้องผู้ตรวจฯ สอบ “อธิบดีกรมศิลป์-ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์ฯ” ปรับปรุงเพนียดคล้องช้างอยุธยาผิดรูปแบบเดิม  ไม่ฟังคนในพื้นที่ พร้อมขอให้ย้ายทั้ง 2 ออกนอกพื้นที่ระหว่างตรวจสอบ ลดความขัดแย้งในพื้นที่         


นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำชาวบ้านในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจแผ่นดิน ผ่านนายปิยะ   ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน   ขอให้ใช้อำนาจตาม มาตรา 230(2) ในการแสวงหาข้อเท็จจริงและสอบอธิบดีกรมศิลปากร และผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนือจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย  หรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำนาจ ตามกฎหมายของกรมศิลปากร ในฐานะหน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ หากกรมศิลปากรฝ่าฝืน ก็ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งปลดหรือย้ายบุคคลทั้ง 2 ออกจากตำแหน่ง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตามที่เกิดกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากรกับชาวอยุธยา  เกี่ยวกับการบูรณะเพนียดคล้องช้าง  โดยการตัดหัวเสาตะลุง ด้านปีกกา ทิ้งทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นไปตามรูปแบบทางประวัติศาสตร์ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนตามกฎหมาย  และใช้งบประมาณในการดำเนินการส่อไปในทางทุจริต  


“การกระทำดังกล่าว อาจชี้ได้ว่าเป็นการบิดเบือนและทำลายรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชาวอยุธยาไม่อาจที่จะยอมรับได้  เพราะที่ผ่านมามีการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้ง   ผู้รับเหมาได้สร้างตามหลักฐานที่เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปคือ  เสาตะลุงที่หลงเหลืออยู่เดิมมีหัวมัณท์ หรือหัวบัว   กรมศิลปากรจึงได้ทำการซ่อมแซม ทั้งด้านนอก ด้านใน  และซ่อมต่อเนื่องกันมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไปเชื่อเพียงแค่รูปถ่ายเพนียดคล้องช้างชั่วคราวของฝรั่ง เมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว   โดยไม่ดูบริบททางประวัติศาสตร์และความเชื่อที่แท้จริง” นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า  นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการนำไม้เสาตะลุงเดิมมาปะผุแซมกับไม้ใหม่อย่างผิดสังเกต  ทั้งๆ ที่มีการใช้งบประมาณสูงถึง 35.8 ล้านบาท แม้เรื่องดังกล่าวชาวอยุธยาจะได้แสดงออก โดยการร่วมลงชื่อกันนับหมื่นรายชื่อ เพื่อเสนอให้ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และอธิบดีกรมศิลปากร  ได้ทบทวนการบูรณะให้เป็นไปตามอัตลักษณ์ที่แท้จริงแล้วก็ตาม แต่ก็หาได้รับการทบทวนหรือใส่ใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่


นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า  ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2550 มีโครงการบูรณะเพนียดคล้องช้าง ที่ตำบลสวนพริก  มีการจัดทำเสาตะลุง พร้อมการเหลาหัวเสาเป็นหัวมัณท์หรือหัวดอกบัว และเปลี่ยนเสาตะลุงใหม่ทั้งหมด รวม 980 ต้น ด้วยงบประมาณ 16 ล้านบาท  แต่ในการปรับปรุงบูรณะครั้งล่าสุดนี้ พบว่าเสาตะลุงเหลืองเพียง 846 ต้นเท่านั้น แต่กลับใช้งบประมาณถึง 35.8 ล้านบาท  ทั้งเสาตะลุงแต่ละต้น จะต้องมีการวางหมุดเหล็กชนิดหนา ความยาวประมาณ 1 ฟุตมาตอกยึดฐานทั้งสี่ด้านของเสากับพื้นปูนที่เป็นฐาน เพื่อไม่ให้เสาเอียง แต่ปรากฏว่าในการบูรณะครั้งนี้ มีการใช้หมุดเหล็กชนิดบางและสั้น 30 เซนติเมตร ทำให้เสาตะลุงแต่ละต้นขาดความมั่นคง เสี่ยงและเป็นอันตรามาก หากพื้นดินอ่อนตัว  

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การดำเนินการโครงการบูรณะนี้ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2546 ประกอบมาตรา 3/1 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2545   อีกทั้ง ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยชัดแจ้ง เป็นการใช้อำนาจไปโดยมิชอบด้วนกฎหมาย

ด้าน นายอิทธิพันธ์ ขาวละมัย  เลขานุการมูลนิธิพระคชบาล  กล่าวว่า อธิบดีกรมศิลปากรยืนยันว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อใครมีหลักฐาน หรือรูปภาพที่เก่ากว่าที่กรมศิลป์มี หลังจากที่ประชาชนได้ร้องเรียนทักท้วงไปกว่า 2 เดือนแล้ว ก็ไม่มีการแก้ไข แต่กลับสั่งระงับการบูรณะ และจ่ายค่างวดงานให้กับผู้รับรับเหมาไปแล้ว 8 งวด  เป็นวงเงินกว่า 24 ล้านบาท   นอกจากนี้ ในการซ่อมแซมเสา ได้นำเสาเก่ามากลึงใหม่ และบางส่วนนำไม้มาปิด  แบบปะผุ และทางสีใหม่ โดยอ้างงว่ามีน้ำยาจากต่างประเทศมาทา เพื่อให้เสามีอายุใช้งานต่ออีกถึง  100  ปี ซึ่งไม่เป็นความจริง 

ส่วน นายกำธร ขันธนิกร  อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นหลานของ “ปู่จู” ที่ทำงานอยู่ในกรมช้าง สมัยรัชกาลที่ 5  กล่าวว่า ตนเป็นชาวบ้านที่เกิดที่นั่น เห็นว่าเสามีหัวบัวมาโดยตลอด แต่จากการคุยกับทางราชการ ทางราชการได้ส่งรูปเมื่อปี 2434 เป็นภาพจากชาวต่างชาติที่อ้างว่า ถ่ายเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4  เมื่อมาเปรียบเทียบดูพบว่าภาพถ่ายไม่น่าจะถ่ายจากในพื้นที่นั้น  การบูรณะที่ผ่านมาหลายครั้ง กรมศิลป์ทุกชุดก็ยึดตามแบบแผนเดิม  ยกเว้นชุดปัจจุบัน  ที่ทำแบบคิดเองทำเอง  กำลังเปลี่ยนแปลงแนวคิดของคนอยุธยา จึงต้องการให้การบูรณะในครั้งนี้เป็นบทเรียนของกรมศิลปากร ในการทำงานที่ปกปิด ตรวจสอบยาก  และไม่มีการทำประชาพิจารณ์กับคนในพื้นที่ 

“ที่ชาวบ้านลุกขึ้นเรียกร้อง ไม่ได้ต้องการที่จะเอาแพ้เอาชนะ แต่เอาความถูกต้อง อยากกรมศิลป์บูรณะแบบเปิดเผย และทำอย่างถูกต้อง เพราะเพนียดถือว่าเป็นมรดกโลก” นายกำธร กล่าว และว่า ต้องการให้ย้ายอธิบดีกรมศิลปากร และ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ออกไปก่อน เพื่อลดความขัดแย้งกับคนในพื้นที่    . – สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]