สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 22 ก.ค.- ชาวอยุธยา ร้องผู้ตรวจฯ สอบ “อธิบดีกรมศิลป์-ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์ฯ” ปรับปรุงเพนียดคล้องช้างอยุธยาผิดรูปแบบเดิม ไม่ฟังคนในพื้นที่ พร้อมขอให้ย้ายทั้ง 2 ออกนอกพื้นที่ระหว่างตรวจสอบ ลดความขัดแย้งในพื้นที่
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำชาวบ้านในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจแผ่นดิน ผ่านนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ขอให้ใช้อำนาจตาม มาตรา 230(2) ในการแสวงหาข้อเท็จจริงและสอบอธิบดีกรมศิลปากร และผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนือจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำนาจ ตามกฎหมายของกรมศิลปากร ในฐานะหน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ หากกรมศิลปากรฝ่าฝืน ก็ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งปลดหรือย้ายบุคคลทั้ง 2 ออกจากตำแหน่ง
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตามที่เกิดกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากรกับชาวอยุธยา เกี่ยวกับการบูรณะเพนียดคล้องช้าง โดยการตัดหัวเสาตะลุง ด้านปีกกา ทิ้งทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นไปตามรูปแบบทางประวัติศาสตร์ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนตามกฎหมาย และใช้งบประมาณในการดำเนินการส่อไปในทางทุจริต
“การกระทำดังกล่าว อาจชี้ได้ว่าเป็นการบิดเบือนและทำลายรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชาวอยุธยาไม่อาจที่จะยอมรับได้ เพราะที่ผ่านมามีการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้ง ผู้รับเหมาได้สร้างตามหลักฐานที่เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปคือ เสาตะลุงที่หลงเหลืออยู่เดิมมีหัวมัณท์ หรือหัวบัว กรมศิลปากรจึงได้ทำการซ่อมแซม ทั้งด้านนอก ด้านใน และซ่อมต่อเนื่องกันมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไปเชื่อเพียงแค่รูปถ่ายเพนียดคล้องช้างชั่วคราวของฝรั่ง เมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว โดยไม่ดูบริบททางประวัติศาสตร์และความเชื่อที่แท้จริง” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการนำไม้เสาตะลุงเดิมมาปะผุแซมกับไม้ใหม่อย่างผิดสังเกต ทั้งๆ ที่มีการใช้งบประมาณสูงถึง 35.8 ล้านบาท แม้เรื่องดังกล่าวชาวอยุธยาจะได้แสดงออก โดยการร่วมลงชื่อกันนับหมื่นรายชื่อ เพื่อเสนอให้ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และอธิบดีกรมศิลปากร ได้ทบทวนการบูรณะให้เป็นไปตามอัตลักษณ์ที่แท้จริงแล้วก็ตาม แต่ก็หาได้รับการทบทวนหรือใส่ใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2550 มีโครงการบูรณะเพนียดคล้องช้าง ที่ตำบลสวนพริก มีการจัดทำเสาตะลุง พร้อมการเหลาหัวเสาเป็นหัวมัณท์หรือหัวดอกบัว และเปลี่ยนเสาตะลุงใหม่ทั้งหมด รวม 980 ต้น ด้วยงบประมาณ 16 ล้านบาท แต่ในการปรับปรุงบูรณะครั้งล่าสุดนี้ พบว่าเสาตะลุงเหลืองเพียง 846 ต้นเท่านั้น แต่กลับใช้งบประมาณถึง 35.8 ล้านบาท ทั้งเสาตะลุงแต่ละต้น จะต้องมีการวางหมุดเหล็กชนิดหนา ความยาวประมาณ 1 ฟุตมาตอกยึดฐานทั้งสี่ด้านของเสากับพื้นปูนที่เป็นฐาน เพื่อไม่ให้เสาเอียง แต่ปรากฏว่าในการบูรณะครั้งนี้ มีการใช้หมุดเหล็กชนิดบางและสั้น 30 เซนติเมตร ทำให้เสาตะลุงแต่ละต้นขาดความมั่นคง เสี่ยงและเป็นอันตรามาก หากพื้นดินอ่อนตัว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การดำเนินการโครงการบูรณะนี้ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2546 ประกอบมาตรา 3/1 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2545 อีกทั้ง ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยชัดแจ้ง เป็นการใช้อำนาจไปโดยมิชอบด้วนกฎหมาย
ด้าน นายอิทธิพันธ์ ขาวละมัย เลขานุการมูลนิธิพระคชบาล กล่าวว่า อธิบดีกรมศิลปากรยืนยันว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อใครมีหลักฐาน หรือรูปภาพที่เก่ากว่าที่กรมศิลป์มี หลังจากที่ประชาชนได้ร้องเรียนทักท้วงไปกว่า 2 เดือนแล้ว ก็ไม่มีการแก้ไข แต่กลับสั่งระงับการบูรณะ และจ่ายค่างวดงานให้กับผู้รับรับเหมาไปแล้ว 8 งวด เป็นวงเงินกว่า 24 ล้านบาท นอกจากนี้ ในการซ่อมแซมเสา ได้นำเสาเก่ามากลึงใหม่ และบางส่วนนำไม้มาปิด แบบปะผุ และทางสีใหม่ โดยอ้างงว่ามีน้ำยาจากต่างประเทศมาทา เพื่อให้เสามีอายุใช้งานต่ออีกถึง 100 ปี ซึ่งไม่เป็นความจริง
ส่วน นายกำธร ขันธนิกร อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นหลานของ “ปู่จู” ที่ทำงานอยู่ในกรมช้าง สมัยรัชกาลที่ 5 กล่าวว่า ตนเป็นชาวบ้านที่เกิดที่นั่น เห็นว่าเสามีหัวบัวมาโดยตลอด แต่จากการคุยกับทางราชการ ทางราชการได้ส่งรูปเมื่อปี 2434 เป็นภาพจากชาวต่างชาติที่อ้างว่า ถ่ายเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อมาเปรียบเทียบดูพบว่าภาพถ่ายไม่น่าจะถ่ายจากในพื้นที่นั้น การบูรณะที่ผ่านมาหลายครั้ง กรมศิลป์ทุกชุดก็ยึดตามแบบแผนเดิม ยกเว้นชุดปัจจุบัน ที่ทำแบบคิดเองทำเอง กำลังเปลี่ยนแปลงแนวคิดของคนอยุธยา จึงต้องการให้การบูรณะในครั้งนี้เป็นบทเรียนของกรมศิลปากร ในการทำงานที่ปกปิด ตรวจสอบยาก และไม่มีการทำประชาพิจารณ์กับคนในพื้นที่
“ที่ชาวบ้านลุกขึ้นเรียกร้อง ไม่ได้ต้องการที่จะเอาแพ้เอาชนะ แต่เอาความถูกต้อง อยากกรมศิลป์บูรณะแบบเปิดเผย และทำอย่างถูกต้อง เพราะเพนียดถือว่าเป็นมรดกโลก” นายกำธร กล่าว และว่า ต้องการให้ย้ายอธิบดีกรมศิลปากร และ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ออกไปก่อน เพื่อลดความขัดแย้งกับคนในพื้นที่ . – สำนักข่าวไทย