ยธ.พร้อมประสานกรมบังคับคดีขายที่ดินครอบครัว ‘แพรวา’

สำนักข่าวไทย18 ก.ค.-รองปลัด ยธ.เผย ยธ.พร้อมประสานกรมบังคับคดีขายที่ดินของครอบครัว ‘แพรวา’ หลังมารดาประกาศขายผ่านรายการทีวีเพื่อจ่ายค่าชดเชยให้เหยื่อตามคำสั่งศาล เนื่องจากการให้กองทุนยุติธรรมจ่ายเงินเพื่อเยียวยาเหยื่อแทนจำเลยไปก่อนไม่มีในระเบียบ


นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือกรณีญาติผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายในคดีอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลเวย์เมื่อ 9 ปีก่อน หรือ ‘คดีแพรวา’  ออกมาเปิดเผยว่ายังไม่ได้รับ เงินเยียวยาตามคำพิพากษาศาล ว่า คดีนี้มีการฟ้องร้องในชั้นศาลจบกระบวนการแล้ว  โดยคดีแพ่งที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาสั่งให้ชดใช้เงินให้กับผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บประมาณ 26 ล้าน 8 แสนบาท ซึ่งศาลได้พิพากษาไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามกฎหมายแล้วจำเลยต้องชดใช้เงินภายใน 30 วัน แต่หากเลยเวลาแล้วไม่ชดใช้เงินให้ ผู้เสียหายก็สามารถฟ้องร้องขอให้ศาลขอหมายบังคับคดี เพื่อจะได้มีอำนาจเข้าไปสืบทรัพย์ จากนั้นจึงนำเรื่องดังกล่าวไปยื่นต่อกรมบังคับคดี เพื่ออายัดทรัพย์สินต่างๆ ที่พบ เข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ หรือนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาด  


โดยกระบวนการสืบทรัพย์ จะถือเป็นกระบวนการแรกหลังจากที่เริ่มมีการออกหมายบังคับคดี และเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด ลำพังประชาชนเองไม่สามารถทำได้ วิธีการที่ดีที่สุดคือ ต้องว่าจ้างทนายความ ซึ่งทนายความจะมีประสบการณ์รวมทั้งจะมีฝ่ายตรวจสอบบัญชี สามารถทำหนังสือส่งไปยังสถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบบัญชีของทางจำเลยได้ทั้งหมด รวมถึงทำหนังสือไปยังกรมที่ดินตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบเครดิตบูโร หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะสามารถนำมาเป็นสินทรัพย์ขายทอดตลาดได้ 

ส่วนการสือบทรัพย์จะต้องใช้เวลานานหรือไม่ คงบอกไม่ได้นานเท่าไหร่ ใช้เวลานานไหม ขึ่นอยู่กับว่าทนายความมีประสบการณ์มากน้อยขนาดไหน


อย่างไรก็ตามเท่าที่ติดตามข่าวพบว่ามีทีมทนายความของศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คอยขอดูแลให้ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งคดีอาญาและแพ่ง จึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ถ้าหากอยากได้ทนาย หรือความช่วยใดเพิ่มเติม สามารถมาแจ้งขอความช่วยเหลือที่กองทุนยุติธรรม ที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตอนนี้ตั้งคณะทำงาน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรอแล้วไว้แล้ว

“พูดง่ายๆคือ แพ่งเป็นเอกชนสู้กับเอกชน แต่ถ้าเป็นคนจน อาจจะต่อสู้ได้ไม่เต็มหมัด กองทุนยุติธรรมพร้อมช่วย ตัวจะได้เท่ากันเพราะคนจนอาจจะตัวเล็ก เพื่อจะได้เปิดหน้าชกกันอย่างเต็มที่” รองปลัด ยธ. กล่าว

ส่วนกรณีนี้หลายคนระบุว่าเป็นความล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรมหรือ ไม่ นายธวัชชัย กล่าวว่า ยังไม่อยากให้มองไปถึงจุดนั้น เพราะคดีแพ่งหลังมีคำตัดสินยังไม่ถือว่าสิ้นสุด ยังมีขั้นตอนการยึดอายัดทรัพย์ ขายทอด ตลาดที่หน่วยงานรัฐจะสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ซึ่งต่างจากคดีอาญาที่ภาครัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่ม เรื่องนี้ศาลเพิ่งมีคำตัดสินไปเมื่อเดือน พ.ค. ตอนนี้เพิ่ง 2 เดือน ลักษณะแบบนี้เป็นกับทุกคดีไม่เฉพาะเรื่องนี้ ซึ่งกระบวนการเพิ่งเริ่มต้น อยากให้สังคมเข้าใจขั้นตอนของกฎหมายด้วย

“เพิ่งเข้าสู่กระบวนการปกติ ที่เป็นได้ในทุกคดี สังคมนับเวลา 9 ปี คือ นับ ตั้งแต่เกิดเหตุ จนถึงคำพิพากษา ที่เพิ่งสิ้นสุดออกมาเมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพียงแต่ความรู้สึกของคนที่รอ ของผู้ที่สูญเสีย กับผู้ต้องจ่ายทรัพย์ไม่เท่ากัน เวลาสองฝ่ายเท่ากันแต่อารมณ์ระหว่างผู้รับ และผู้จ่ายต่างกัน  ส่วนตัวคิดว่าจำนวนเงินอาจจะเยอะ เขาคงมึนงงกับชีวิตอยู่ ถ้าหากอยากได้ที่ปรึกษาสามารถมาขอคำปรึกษาหาทางออกที่ กระทรวงยุติธรรมได้” นายธวัชชัย กล่าว

ล่าสุด รองปลัด ยธ.ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีที่มารดาของ น.ส.แพรวา ออกมาระบุว่า ครอบครัวมีทรัพย์สินพร้อมเยียวยาให้ผู้เสียหาย พร้อมขอโทษที่ไม่มีเงินสดชดใช้จึงฝากขายที่ดินจำนวน 21แปลง จำนวน 30โฉนด ในพื้นที่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์และโฉนดที่ดินย่านเมืองทองธานี พร้อมเรียกร้องให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นำเงินกองทุนยุติธรรม เยียวยาผู้เสียหายไปก่อนและจะคืนให้ภายหลัง ด้วยการนำโฉนดที่ดินมาประกาศขายผ่านรายการทางทีวี  ว่า ตามกฎหมาย พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรมไม่สามารถทำได้ เนื่องจากกฎหมายไม่มีระเบียบให้กองทุนยุติธรรมจ่ายเงินเพื่อเยียวยาเหยื่อแทนจำเลยไปก่อน แม้ว่าทางจำเลยพร้อมจะนำเงินมาคืนให้ในภายหลัง แต่หากมีความประสงค์จะนำเงินมาชดเชยญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย ทางกระทรวงฯ จะประสานกรมบังคับคดีให้ช่วยประกาศขายที่ดินให้  เพื่อนำเงินมาชดเชยให้กับครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง9ราย 

‘เท่าที่ปรึกษากับทีมกฏหมาย เบื้องต้นยังไม่มีช่องทางในการช่วยเหลือในประเด็นนี้ แต่การที่มารดาออกมาเปิดหน้าต่างบานนี้ออกมา ทำให้เป็นสัญญาณที่ดี และจะได้นำประเด็นนี้ไปพิจารณาได้ในอนาคต อีกทั้งจะทำให้ทางด้านผู้เสียหายเกิดความสบายใจ มีสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากเพียงพอในการชดใช้เยียวยา แต่ยังขายไม่ได้ก็ขอแนะนำให้เข้าสู่ขั้นตอนการบังคับคดีไปเลยจะดีกว่า ให้สินทรัพย์ตรงนี้เป็นภาครัฐดำเนินการขายให้ ขายทอดตลาด หรือให้กระทรวงยุติธรรมเป็นคนกลางในการเปิดโต๊ะ เวทีเจรจา ระหว่างผู้กระทำผิดและผู้เสียหายจะได้เกิดความสบายใจของสองฝ่าย’ รองปลัด ยธ.กล่าว  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]