ธนาคารโลกลดจีดีพีไทยปีนี้โตร้อยละ 3.5 ส่งออกบวกร้อยละ 2.2

รร.วี 8 ก.ค. – ธนาคารโลกปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้โตเหลือร้อยละ 3.5 ส่งออกโตร้อยละ 2.2 จากพิษสงครามการค้า ระบุเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเป็นรัฐบาลผสมจาก 19 พรรคการเมือง 


นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก เปิดเผยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดวันนี้ (8 ก.ค.) ว่า ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลง จากเดิมร้อยละ 3.8-3.9 เหลือโตร้อยละ 3.5 และลดคาดการณ์ปี 2563 จากเดิมคาดว่าจะโตร้อยละ 3.9 ลดลงเหลือร้อยละ 3.6 เนื่องจากเศรฐกิจไทยไตรมาสแรกปีนี้ชะลอตัวลง มีอัตราขยายตัวร้อยละ 2.8 เป็นอัตราการขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางปี 2558 เป็นต้นมา  

ด้านการส่งออกตลอดปีนี้ผลกระทบจากการส่งออกไปจีนและยุโรปที่ลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามการค้า ธนาคารโลกจึงคาดว่าการส่งออกปีนี้จะโตในระดับร้อยละ 2.2 จากเดิมคาดว่าจะโตกว่าร้อยละ 5 ส่วนปีหน้าการส่งออกคาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.6 ด้านเงินเฟ้อคาดว่าปีนี้เงินเฟ้อจะโตร้อยละ 1.1   และเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.2 ในปี 2563 


การลงทุนภาครัฐที่ลดลงเป็นปัจจัยลบ ขณะที่มีปัจจัยจากภายนอกประเทศกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แต่การลงทุนภาคเอกชนยังคงเดินหน้าไปได้ด้วยดี ขณะที่การใช้จ่ายภาคเอกชนยังคงเข้มแข็งช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธนาคารโลกเห็นว่าความต่อเนื่องทางนโยบายและการนำแผนการลงทุนภาครัฐมาดำเนินการจะมีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ด้านจุดยืนของรัฐบาลด้านการคลังและนโยบายการเงินคาดว่าจะยังคงเดิม และพื้นฐานเศรษฐกิจมหภาคของประเทศไทยยังคงเข้มแข็ง 

ความเสี่ยง คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อเป็นความเสี่ยงที่สำคัญของแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในอนาคต ความกังวลที่มีต่อความมั่นคงของรัฐบาลผสมที่เกิดจาก 19 พรรคการเมือง มีผลด้านลบต่อนักลงทุนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภครวมถึงอาจมีผลต่อความล่าช้าในการดำเนินโครงการโครงสร้างขนาดใหญ่ของรัฐบาลให้ทันกำหนดการที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายนอก ได้แก่ ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนอย่างต่อเนื่อง อาจมีผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกจากประเทศไทยลดลง และไม่ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชนในอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออกเป็นหลัก 

นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความต่อเนื่องของนโยบายและการดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐตามที่ได้วางแผนไว้ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน การเพิ่มการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคให้ความสะดวกรวดเร็วมากขึ้นและการใช้ประโยชน์จากการที่ประเทศไทยตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ให้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนการค้าและการบริการ 


นายเกียรติพงศ์ เปิดเผยผลศึกษาด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเงินหรือฟินเทค ว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในเรื่องการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างก้าวกระโดด ผู้ใหญ่ร้อยละ 82 มีบัญชีธนาคารเป็นของตนเอง และช่องว่างระหว่างเพศในการเข้าถึงบริการต่ำมาก อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาพบว่า ประเทศไทยยังมีความท้าทายด้านคุณภาพของบริการทางการเงิน โดยให้ดิจิทัลและการเข้าถึงบริการบรอดแบนด์หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง  

ธนาคารโลกเห็นว่าการขยายบริการดิจิทัลไปยังประชากรกลุ่มที่ยังไม่เข้าถึงบริการจะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ และยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำตามที่ได้ยุทธศาสตร์ชาติได้วางแผนไว้ ในส่วนธุรกิจฟินเทคที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เรื่องที่สำคัญ คือ จะต้องมีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนระบบนิเวศของฟินเทค.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว