fbpx

ยอดใช้สิทธิ์ FTA-GSP 4 เดือน กว่า 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์

นนทบุรี 25 มิ.ย. – ยอดใช้สิทธิ์ FTA และ GSP 4 เดือน กว่า 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ  5 อาเซียนนำใช้สิทธิ์สูงสุด คาดตั้งแต่ 1 ก.ค.62 เริ่มใช้ Form D แบบซื้อขายผ่านนายหน้าจะช่วยให้ไทยเพิ่มยอดการใช้สิทธิ์ส่งออกมากขึ้น


นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในช่วง 4 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่ารวม 24,274.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ฯ อยู่ที่ร้อยละ 80.27 เพิ่มขึ้นร้อยละ  5


แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA มูลค่า 22,546.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.88 และภายใต้ GSP มูลค่า 1,727.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.15 ขณะที่การใช้สิทธิ์ภายใต้ FTA 12 ฉบับ โดย FTA อาเซียน-ฮ่องกง เป็นฉบับล่าสุดที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ที่มีมูลค่า 22,546.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.88 นั้น คิดเป็นร้อยละ 79.79 ของมูลค่าการส่งออกภายใต้ FTA ไปยังประเทศคู่ภาคีความตกลง โดยตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน มูลค่า 8,272.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จีน มูลค่า 6,224.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ออสเตรเลีย มูลค่า 2,669.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ญี่ปุ่น มูลค่า 2,578.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอินเดีย มูลค่า 1,535.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม กรมฯ คาดว่าการส่งออกไปยังอาเซียนและ CLMV จะมีการใช้สิทธิประโยชน์ฯ เพิ่มขึ้น หลังจากจะเริ่มใช้ Form D ที่ใช้หลักการซื้อขายผ่านนายหน้า 2 รูปแบบควบคู่กัน คือ Third Country Invoicing ร่วมกับ Back-to-Back ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป โดยหลักการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถนำเข้าสินค้าที่ใช้ Form D แบบ Third Country Invoicing ที่แนบ invoice ของพ่อค้าคนกลางประกอบการใช้สิทธิ์ฯ ควบคู่กับมาขอ Form D แบบ Back to Back เพื่อกระจายสินค้าขายต่อไปยังประเทศอาเซียนอื่น ๆ โดยเฉพาะการขายต่อไปยังประเทศกลุ่ม CLMV ได้ ซึ่งจะเอื้อต่อระบบการค้าปัจจุบันที่มีการซื้อขายผ่านนายหน้า และช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่มีเครือข่ายทางการค้าและมีศักยภาพด้านโลจิสติกส์ให้มีแต้มต่อเพื่อแข่งขันได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลงจากการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังจะทำให้ไทยสามารถพัฒนาเป็นฮับกระจายสินค้าในภูมิภาคอาเซียนได้ด้วย


สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ GSP 4 ระบบ ประกอบด้วย สหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ ญี่ปุ่นตัดสิทธิ์การให้ GSP แก่ไทยตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2562 มีมูลค่า 1,727.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ  22.15 มีอัตราการใช้สิทธิ์ ร้อยละ 87 ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ GSP โดยสหรัฐยังคงมีสัดส่วนการใช้สิทธิ์มากที่สุด คือ ร้อยละ 92 ของมูลค่าการใช้สิทธิ GSP ทั้งหมด มีมูลค่า1,591.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ  17.21 มีอัตราการใช้สิทธิ์ร้อยละ 106.63 ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ GSP ซึ่งมีมูลค่า 1,492.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง รถจักรยานยนต์ และแว่นตาที่ไม่ใช่กันแดด

ส่วนกรณีที่สหรัฐประกาศระงับสิทธิ์ GSP กับอินเดีย มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 เนื่องจากอินเดียไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการเปิดตลาดอย่างถูกต้องเหมาะสม และมีการออกมาตรการกีดกันทางการค้าที่ส่งผลเชิงลบต่อการค้าของสหรัฐ ดังนั้น เมื่ออินเดียถูกสหรัฐระงับสิทธิ์ GSP ผู้นำเข้าสหรัฐอาจหันมาซื้อสินค้าจากแหล่งอื่น จึงถือเป็นโอกาสอันดีของไทยที่จะผลิตสินค้าเพื่อส่งออกทดแทนสินค้าอินเดียในสหรัฐ โดยเฉพาะรายการที่ยังมีมูลค่าการใช้สิทธิ์ GSP ไม่สูงมาก โดยกลุ่มสินค้าที่ไทยน่าจะมีโอกาสบุกตลาดสหรัฐ ได้แก่ ของทำด้วยหิน กระเป๋าถือและของที่พกติดกระเป๋าทำด้วยหนัง เครื่องจักสาน คาร์บอนกัมมันต์ (ถ่านสำหรับกรองอากาศในเครื่องปรับอากาศ) และแผ่นทำด้วยโพลิเมอร์ของโพรพิลีน เนื่องจากอินเดียจะต้องเสียภาษีนำเข้าปกติที่ประมาณ ร้อยละ 0.1-54.6 ส่งผลให้สินค้านำเข้าจากอินเดียมีต้นทุนสูงขึ้น โดยปี 2561 อินเดียมีมูลค่าการใช้สิทธิ์ GSP ไปสหรัฐรวม 6,234.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิ์ GSP ไปสหรัฐ 4,314.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ในช่วง 4 เดือนที่มีมูลค่า 24,274.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ  5 คิดเป็นร้อยละ 29.96 ของเป้าหมายมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ  ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสวนทางกับภาวะการส่งออกของไทยในช่วง 4 เดือนแรกที่ลดลงร้อยละ  1.86 โดยต้องจับตาปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก เช่น ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง การแข็งค่าของเงินบาทที่ทำให้ประเทศคู่ค้าชะลอคำสั่งซื้อสินค้าจากไทย อีกทั้งผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะส่งผลต่อเป้าหมายมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ในปี 2562 ที่กรมฯ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 81,025 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 แต่กรมฯ จะไม่หยุดส่งเสริมและผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออก และจะเดินหน้าปรับปรุงระบบการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและการจัดกิจกรรมสัมมนาเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงสิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อัตราการขยายตัวมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ บรรลุได้ตามเป้าหมายที่วางไว้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด