กทม.23 มิ.ย.-เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน ห่วงตู้คีบตุ๊กตา ยังไม่ถูกจัดการ เรียกร้องผู้ว่า กทม. และทุกจังหวัด บังคับใช้กฎหมาย หวั่นสร้างค่านิยมทางบวกกับการพนันบ่มเพาะนักพนันหน้าใหม่
จากกรณีฝ่ายปกครองจังหวัดอุดรธานี ตรวจยึดตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญ และสั่งให้หยุดบริการทั้งหมด หลังศาลตัดสินว่าเข้าข่ายเป็นการพนัน ตามบัญชี ข.หมายเลข 28(เครื่องเล่นซึ่งใช้ไฟฟ้าจักรกลหรือสปริงดีด) การพนันชนิดนี้จัดให้มีการเล่นได้ก็เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง สังกัดกระทรวงมหาดไทย ตาม พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ.2478 นั้น
วันนี้ (23มิ.ย.)นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน กล่าวว่า เครื่องเล่นชนิดนี้ระบาดหนักและพบเห็นได้ตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า โรงภาพยนต์ ร้านเกม ปั๊มน้ำมัน ตลาดและจุดต่างๆในย่านชุมชน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด อยู่ในจุดที่โจ่งแจ้ง เข้าถึงได้ง่าย ได้รับความสนใจจากเด็กและเยาวชน เนื่องจากใช้เงินในการเล่นเพียงครั้งละประมาณ 10 บาท เพื่อเสี่ยงดวงลุ้นตุ๊กตาที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินที่ลงทุนหลายเท่า ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญในการมอมเมาเด็กและเยาวชนให้โน้มเอียงหลงใหลและเสพติดการพนันชนิดนี้ ซึ่งในระยะยาวมีความสุ่มเสี่ยงในทัศนคติทางบวกกับการพนันชนิดอื่นและเป็นที่ชัดเจนว่าเด็กและเยาวชนเป็นเป้าหมายหลักของกิจการชนิดนี้
นอกจากนี้ยังมีการระบุข้อความเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยอ้างว่าเป็น “ตู้ฝึกทักษะ” บ้างก็ระบุว่า “ตู้สินค้านี้ไม่ใช่เครื่องมือการพนัน” อีกทั้งยังไม่มีการควบคุมอายุของผู้เข้าเล่น จากการลงพื้นที่ของเครือข่ายฯ พบเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งผิดกฎหมาย พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ว่าด้วยบทบัญญัติคุ้มครองเด็กและเยาวชน มาตรา 7(3) บัญญัติว่า “…ไม่ให้บุคคลอายุตํ่ากว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือไม่บรรลุนิติภาวะเข้าเล่น” นอกจากนี้ยังสุ่มเสี่ยงที่จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 อีกด้วย
“เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว โดยขอให้ตรวจสอบการออกใบอนุญาตเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย ควบคุมการออกใบอนุญาต ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงการกำหนดพื้นที่ในการวางเครื่องเล่นชนิดนี้ ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง ต้องเข้าถึงได้ยากไม่ให้เข้าถึงง่ายจนเกินไป ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดรวมถึงกรุงเทพมหานคร ฝ่ายปกครองควรดำเนินการให้ยุติกิจการในรูปแบบดังกล่าวไว้ก่อนเพื่อ สร้างความชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมาย และขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญต่อประเด็นปัญหาและผลกระทบจากการพนัน และร่วมกันปกป้องเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบาง ไม่สร้างพฤติกรรมความคุ้นชิน และทัศนคติที่ดีต่อการเล่นพนัน และควรมีการประชาสัมพันธ์กฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากการพนัน” นายณัฐพงศ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย