ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ ทลายรังโลกีย์ อบายมุขออนไลน์

บช.สอท. 27 ก.พ.-ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ ทลายรังโลกีย์ อบายมุขออนไลน์ มอมเมาชาวกรุง จับผู้ต้องหา 9 คน ยึดของกลางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 40 ชุด เครื่องสำอางเลี่ยงภาษีกว่า 112,000 ชิ้น ตู้คีบตุ๊กตา บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมน้ำยา และอาวุธปืน

บช.สอท. 27 ก.พ.2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณวัตต์ ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.ชัยรัตน์ วรุณโณ รองผบก.สอท.2 และตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการทลายรังโลกีย์ อบายมุขออนไลน์ มอมเมา ชาวกรุง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 9 คน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 5 ราย และความผิดซึ่งหน้า 4 ราย ในความผิดประเภทต่างๆ พร้อมของกลางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 40 ชุด, เครื่องสำอางเลี่ยงภาษีกว่า 112,000 ชิ้น, ตู้คีบตุ๊กตา 15 ตู้, ตุ๊กตาของกลาง 255 ชิ้น, บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมน้ำยา จำนวน 20 ชุด และ อาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก


พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรมของตำรวจไซเบอร์ 1 และตำรวจไซเบอร์ 2 โดยได้มีการระดมสรรพกำลังเพื่อกวาดล้างการกระทำความผิดออนไลน์ทุกประเภท เช่น การจำหน่ายสินค้าไม่ได้คุณภาพ หรือสินค้าหนีภาษี การเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์และการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารโดยนำเครื่องเกมนินเทนโด้มาดัดแปลงเพื่อให้สามารถเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์ได้ การกวาดล้างจับกุมกลุ่มคนยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วโพสต์ลงโซเชียล และจับกุมการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ตำรวจ ทั้ง 5 กองบังคับการ ต้องออกแผนกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ยืนยันตำรวจไซเบอร์จะมุ่งมั่นทุ่มเทขับเคลื่อนในการทำงานเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ อย่างจริงจัง

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.1 จำนวนกว่า 100 นาย เพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงวันที่ 28 ก.พ.68 เวลา 06.00 น. บริเวณหน้า บช.สอท. โดยเน้นการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายที่ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจไซเบอร์ 1 ทุกกองกำกับการ ร่วมสืบสวนปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำความผิดในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับอบายมุขในโลกออนไลน์ที่มอมเมาประชาชน โดยได้เข้าตรวจค้นเแ้าหมาย 7 จุด จากปฏิบัติการดังกล่าวมีผลการปฏิบัติที่สำคัญ


พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ได้จับกุมร้านเกมชื่อดังมีผู้ติดตาม 1.2 แสนราย โดยเปิดเพจรับจ้างแฮกเครื่องเกมนินเทนโด้ เพื่อติดตั้งเกมเถื่อน พร้อมพ่วงโปรแกรมรับชมสื่อ ลามกออนไลน์ผ่านระบบสตรีมมิ่ง โดยขายแพ็คเกจเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000-7,900 บาท โดยตำรวจชุดจับกุมนำโดย พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1 ได้ร่วมทำการสืบสวนเพจเฟซบุ๊กบัญชีหนึ่งทราบว่ามีการจัดจำหน่ายและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารในรูปแบบต่างๆ เช่น แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสื่อลามกอนาจาร, เกมลามกอนาจาร และดัดแปลงเครื่องเล่นเกมเพื่อรับชมสื่อลามก อนาจาร และยังมีการรับจ้างแฮกเครื่องเกมเพื่อติดตั้งเกมเถื่อนอีกด้วย กระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเส้นเงินที่เชื่อมโยงไปยัง ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง นำมาสู่การขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับ

ต่อมาวันที่ 27 ก.พ.68 เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 4 จุด ในพื้นที่ กทม. และ จ.นนทบุรี แบ่งเป็นบ้านพัก 3 จุด และบริษัทรับฝากเซิร์ฟเวอร์ 1 จุด ผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 2 ราย คือ น.ส.สุพิชฌาย์ และนายปรีติ ในความผิดฐาน “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้ แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบ บันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มี ลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดย รู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะลามก ทั้งนี้ได้ตรวจยึดสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ได้แก่ คอมพิวเตอร์13 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์ แบบพกพา (NOTEBOOK) 1 เครื่อง, เครื่องเกม NINTENDO SWITCH 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือและแท็บเลต 4 เครื่อง, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ 11 รายการ และ สมุดบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย 1 เล่ม นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า อีกกรณีได้จับกุมหนุ่มระยองโชว์เก๋าลั่นปืนขึ้นฟ้าหน้าบ้าน โพสต์อวดปืนลงโซเชียลแถมลอบขายอาวุธปืนออนไลน์ พบประวัติ เคยถูกจับกุมมาแล้ว 8 ครั้ง คดีนี้พ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 และเจ้าหน้าที่ ตำรวจในสังกัด กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ได้ร่วมกันสืบสวนทราบว่า นายวัชระ มีพฤติกรรมลักลอบทำอาวุธปืน ดัดแปลงสภาพอาวุธปืน แล้วนำมาจำหน่ายให้แก่กลุ่มวัยรุ่น และยังมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของบุคคลอื่นนำมาฝากขายอยู่ด้วย และทราบอีกว่า นายวัชระ มีพฤติการณ์ชอบยิงปืนที่หน้าบ้านตนเองอยู่เป็นประจำจนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในชุมชนเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบประวัติของ นายวัชระ พบว่า มีประวัติเคยถูกดำเนินคดี เกี่ยวกับอาวุธปืนและยาเสพติดจำนวน 8 ครั้ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้น ต่อศาลจังหวัดระยอง


ต่อมาวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา เวลาประมาณ 07.30 น. ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ได้เข้าตรวจค้นบริเวณบ้านพักแห่งหนึ่ง ซ.ทางเข้าเรือนจำ ถ.จันทอุดม ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เมื่อไปถึงพบ นายวัชระ แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแสดงหมายค้น ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ตรวจยึดไว้เป็นของกลางเพื่อตรวจสอบ ดังนี้ อาวุธปืนสั้นชนิดลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด, อาวุธปืนสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนลูกซองยาวขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก, ซองบรรจุกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 อัน, กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 10 นัด และกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 3 นัด ทั้งนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ นายวัชระ ว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนาย ทะเบียน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ตรวจค้นโกดังสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์สุขภาพเลี่ยงภาษี ของกลาง 22 รายการ จำนวนกว่า 112,000 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 2,600,000 บาท โดยพ.ต.อ.พิเชียรยศ อรุณพันธกุล ผกก.1 บก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดได้ร่วมกันสืบสวนพบการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยมิได้มีการชำระภาษีอากร โดยถูกซุกซ่อนไว้บริเวณโกดังแห่งหนึ่ง ภายในซอยนวมินทร์ 70 แยก 6 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และโกดังสินค้าแห่งหนึ่งภายในซอยสินสมบูรณ์ แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้น

ต่อมาวันที่ 27 ก.พ.68 ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโกดังทั้ง 2 แห่งพบสินค้า ประเภทผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการแสดงฉลากที่ไม่ถูกต้อง จึงได้สอบถามถึงเอกสารหลักฐานการได้มาซึ่งสินค้า และเอกสาร เกี่ยวกับการชำระภาษีอากรของสินค้า ปรากฏว่าเจ้าของสินค้าไม่สามารถนำมาแสดงได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น จึงทำการตรวจยึดและอายัดสินค้าทั้งหมด 22 รายการ จำนวนกว่า 112,000 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 2,600,000 บาท ทั้งนี้เจ้าของสินค้าดังกล่าวต้องนำเอกสารเกี่ยวกับการชำระภาษีอากรของสินค้า มาแสดงภายใน 7 วัน นับแต่ วันที่ตรวจค้น โดยตำรวจไซเบอร์ได้นำสินค้าที่ตรวจยึดเอามาเก็บรักษาไว้ที่ กก.1 บก.สอท.1 เพื่อตรวจสอบรายละเอียด และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อีกคดีตำรวจไซเบอร์ 2 ได้ตรวจค้นแหล่งจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ย่านตลาดสำโรง ตรวจยึด น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า, หัวเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอะไหล่อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า กว่า 1200 ชิ้น

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่เร่งรัดสั่งการให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายคุมเข้มและปราบปรามการจำหน่ายนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน กำชับให้ทุกฝ่ายดูแลอย่างเข้มงวด พื้นที่ใกล้โรงเรียน-สถานศึกษาต้องไม่มีการขายให้เยาวชน ทางตำรวจไซเบอร์จึงได้สืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทางในรูปแบบร้านค้าและผ่านทางช่องทางออนไลน์ กระทั่งพบว่ามีร้านค้าไม่มีเลขที่ ในตลาดสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ลักลอบจำหน่าย บุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชน จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายค้น

ก่อนนำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 129 /2568 ลง 27 ก.พ.2568 เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแต่ปรากฏว่าร้านดังกล่าวได้มีการปิดจำหน่าย จึงได้ประสานผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบก่อนตรวจยึดของกลางได้จำนวน 1200 รายการ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะทำการสืบสวนเพื่อขยายผลหาผู้เช่าร้านดังกล่าวก่อนแจ้งข้อหา ในความผิดฐาน “ขายสินค้าที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการสังห้ามขาย เพราะสินค้านั้นเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค(อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 29/9 ประกอบมาตรา 56/4, (ค้าสังคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการที่ 24/2567 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2567), ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของที่มิได้ผ่านพิธีทางศุลกากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ม.246” ในส่วนของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-419.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

14 รมต.ใหม่ เข้าทำเนียบถ่ายรูป ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ

ทำเนียบ 3 ก.ค.- ชื่นมื่น! 14 รมต.ใหม่ เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ช่วงเช้า ถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ “อรรถกร” มาถึงคนแรก ปิดท้ายด้วย “นายกฯ แพทองธาร” เตรียมประชุม ครม. นัดพิเศษในช่วงบ่าย แบ่งงานรองนายกฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีใหม่ 14 คน ทยอยเดินทางมายังตึกสันติไมตรี เพื่อตรวจเอทีเค ถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีที่เดินทางมาเป็นคนแรก คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้น นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามด้วย นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคเหนือ-อีสานตอนบน-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายภาค ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่างและเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง […]

กู้ร่างครบแล้ว เหตุไฟไหม้โรงงานทิชชู เสียชีวิต 10 ราย

สระบุรี 2 ก.ค. – เหตุไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู ในนิคมเหมราช จ.สระบุรี ล่าสุดพบร่างที่ 10 ซึ่งเป็นร่างสุดท้าย ถือว่าภารกิจการค้นหาสิ้นสุดแล้ว ปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายกว่า 50 ชั่วโมง ยุติลงแล้ว หลังเกิดเพลิงไหม้อาคารบริษัทผลิตกระดาษทิชชู ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิว เอช เอ ซอย 8 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ช่วงเที่ยงวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ทีมกู้ชีพ กู้ภัยร่วมกตัญญู กู้ภัยสว่างรัตนตรัย และกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับฝ่ายปกครอง และชุดค้นหาเร่งระดมสรรพกำลัง ปูพรมค้นหาร่างผู้สูญหาย 10 คน นำโดยนายสันทัศน์ รันดาเว นายอำเภอหนองแค ลงพื้นที่เกาะติดการค้นหาผู้สูญหาย ช่วง 10.30 น. มีรายงานจากทีมค้นหามูลนิธิร่วมกตัญญู แจ้งว่า ที่ชั้นบนของอาคารเกิดเหตุ พบร่างผู้สูญหายอีก 1 ร่าง อยู่ในสภาพเหลือแต่กระดูกบริเวณชั้นที่ 2 ฝั่งตะวันตกของโรงงาน ถือเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้รายที่ […]

เร่งคลี่คลายคดีโจรฉกเงิน-ทองคำ วัดม่วง

กทม. 2 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีโจรวัดม่วง ลักเงินเจ้าอาวาส 10 ล้าน ทองคำ 250 บาท หายล่องหน ขณะที่อดีตพระคนสนิท เผยประตูกุฏิล็อกถึง 5 ชั้น เชื่อฝีมือคนใน พร้อมเรียกร้องตรวจสอบเงินบริจาควัด ความคืบหน้า เหตุคนร้ายย่องลักทรัพย์ เงิน 10 ล้าน-ทองคำหนัก 250 บาท ภายในกุฏิเจ้าอาวาส วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค วันนี้ชุดสืบสวนของ บก.ปปป. ร่วมกับชุดคลี่คลายคดีของ สน.เพชรเกษม เดินทางไปที่วัดม่วงเพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่เมื่อเดินทางไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ปรากฏว่า กุฏิปิดเงียบล็อกกุญแจจากด้านหน้า ไร้เงาเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ ปปป. จึงพยายามโทรไปหาเจ้าอาวาสแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังปรากฏข่าว เจ้าอาวาสได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความว่าเงินและทองคำภายในกุฏิหาย ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่ากุฏิดังกล่าวไม่มีรอยงัดแงะ และการจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตูซึ่งล็อกถึง 5 ชั้น แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่บุคคลอื่นจะเข้าไปได้ มองว่าตู้เซฟที่เก็บทรัพย์สินไว้นั้นมีขนาดใหญ่ การจะนำทรัพย์สินภายในออกไปน่าจะทำได้ยาก […]