ปตท. ปรับแผนลงทุน62 มุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาด-โครงสร้างพื้นฐาน สู่ความยั่งยืน

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย.-ข่าวร้าย! น้ำมันไทยปรับราคาขึ้นพรุ่งนี้ หวั่นความตึงเครียดตะวันออกกลาง ด้านปตท.ปรับเม็ดเงินลงทุนเพิ่มปีนี้กว่าแสนล้านบาท 


สถานการณ์ความความตรึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ก็นับว่าเป็นการกดดันต่อเศรษฐกิจโลกต่อเนื่องจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน สิ่งที่ตอบสนองรวดเร็วที่สุด คือตลาดโภคภันฑ์น้ำมันและทองคำ และมีผลมายังประเทศไทย ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยปรับขึ้นพรุ่งนี้ 40 สตางค์/ลิตร หลังราคาตลาดโลกขยับสูงขึ้น วานนี้กว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และวันนี้กระทรวงพลังงานได้ประชุมรองรับสถานการณ์ ซักซ้อมตามแผนที่เตรียมไว้ โดยขณะนี้มีปริมาณสำรองน้ำมันคงเหลือพอใช้ภายในประเทศได้ 49 วัน


อีกด้านหนึ่งนักลงทุนต่างไปหาสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยที่สุด ก็คือทองคำประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดส่งสัญญาณชัดเจนที่จะปรับลดดอกเบี้ย ก็ส่งผลให้ราคาทองคำตลาดโลกสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี ขึ้นไปแตะที่ 1,393 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนราคาในไทยวันนี้ราคาเปลี่ยนแปลงถึง 7 รอบ โดยทองคำแท่งสูงสุดของวันนี้อยู่ที่ 20,450 บาท นับป็นราคาสูงสุดในรอบปี วันนี้ที่ร้านทองก็คึกคักมีคนไปขายทำกำไรจำนวนมาก และล่าสุดราคาปิดตลาดทองคำแท่งที่บาทละ20,250 บาท เพิ่มขึ้น 50 บาทจากวานนี้ การที่ทองคำไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนักก็มาจากบาทไทยแข็งค่าในรอบ 6 ปี โดยอยู่ที่ระดับ 30.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ตลาดมองว่าราคาทองคำตลาดโลกปีนี้มีโอกาสจะขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และราคาทองคำในประเทศมีโอกาสถึง 21,000 บาท


ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปิดลบในช่วงท้าย และปิดตลาดลดลง 0.68  จุด หลังจากหุ้นไทยปิดเขียวต่อเนื่องมา 3 วันเลยทีเดียว บาทที่แข็งค่าขึ้นแม้เป็นผลดีต่อสินค้านำเข้า แต่ในแง่การส่งออกสินค้าจะแพงขึ้น ก็อาจจะกระทบต่อการส่งออกอีก นอกเหนือปัจจัยสงครามการค้า ที่ทำให้ตัวเลขการส่งออกเดือนพฤษภาคมเปิดเผย โดยกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ติดลบร้อยละ 5.79 และ 5 เดือนแรกปีนี้ของปีนี้ ส่งออกไทยติดลบรวมร้อยละ 2.7 ขณะที่การส่งออกในช่วงที่เหลือหลังจากนี้ในแต่ละเดือนจะต้องทำให้ได้เกินเดือนละ 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงจะทำให้การส่งออกของประเทศเป็นบวกได้  

โดยกระทรวงพาณิชย์วางแผนเจาะตลาดทุกภาคอย่างใกล้ชิด และยังคาดหวังว่าปีนี้การส่งออกจะขยายตัวไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 หรือคิดเป็นมูลค่า 260,184 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นโจทย์ใหญ่ของ ครม.ใหม่ที่ต้องมารับมือ อีกแง่หนึ่งก็คือ การกระตุ้นการลงทุนในประเทศ ของภาครัฐและภาคเอกชน โดยพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี เป็นพื้นที่หลักที่จะมีการลงทุน ล่าสุดนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี คาดปีนี้ยอดลงทุนจะเพิ่มเป็น 4 แสนล้านบาทจากเดิมที่ประมาณการที่ 3 แสนล้านบาท โดยวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ คณะกรรมการอีอีซี จะประชุมและพิจารณาโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ส่วนอีก 2 โครงการคือ โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และเมืองการบิน คาดว่าจะใช้เวลา อีก 1 เดือน จึงจะนำเสนอต่อบอร์ด อีอีซีได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับความมั่นใจภาคเอกชนเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง 

ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือ ซีอีโอ บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า บอร์ด ปตท.วานนี้ ได้ทบทวนแผนการลงทุน ของปตท. และบริษัทย่อยที่ปตท. ถือหุ้น 100% และอนุมัติให้ปรับเพิ่มแผนการลงทุนสําหรับปี 2562 จากจํานวน 70,501 ล้านบาทเป็น 103,697 ล้านบาท มุ่งเน้นการลงทุนบริษัทในเครือ โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่อีอีซี เช่ย การขยายธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานทดแทน โครงการโรงไฟฟ้าในโครงการขยายกำลังกลั่นของไทยออยล์ ลงทุนโดย จีพีเอสซี, โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 จะเร่งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ GULFจะเริ่มลงทุนในไตรมาส 4  ของปีนี้, พร้อมเร่งแสวงหาโอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีและตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนต้นแบบด้านเครื่องจักรกล และปัญญาประดิษฐ์  (Robotics/AI) หรือการลงทุนในรูปแบบ Venture Capital เพื่อการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ปตท. อยู่ระหว่างการพิจารณาทิศทางกลยุทธ์ขององค์กร และเตรียมปรับ Portfolio ของการลงทุนในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเน้นการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพลังงานสะอาด ตลอดจนการดำเนินธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนให้สังคมและชุมชนอยู่ได้อย่างยั่งยืนโดยปตท. เตรียมนำแผนการลงทุนระยะยาวดังกล่าว เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ในเดือนธันวาคม 2562 ต่อไป

และสำหรับการดำเนินการของ กลุ่ม ปตท.ที่มีการปรับให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เหมาะสม มีการบริหารความเสี่ยงที่เข้มข้น ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจที่ สร้างรายได้นำส่งรัฐบาลสูงสุดในช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ 2562 หรือตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วถึงเดือนพฤษภาคมปีนี้ โดยนำส่งรวม 29,198 ล้านบาท จากเงินรัฐวิสาหกิจที่นำส่งภาครัฐรวม 138,755 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม 10,715 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนวัวตัดหน้ารถ

ฝูงวัววิ่งตัดหน้าเก๋ง คนขับเบรกไม่ทัน พุ่งชนตาย 4 ตัว

สาวขับรถจากสุรินทร์มากรุงเทพฯ ระหว่างทางเจอวัวเป็นสิบตัววิ่งข้ามถนน ตัดหน้าระยะกระชั้นชิด เบรกไม่ทัน ชนวัยตายคาที่ 4 ตัว รถพังยับ แต่คนขับและผู้โดยสารปลอดภัย ส่วนเจ้าของวัวยังล่องหน

นายกฯ หย่าศึก! “2 รมต.” โต้เดือดกลาง ครม.ปมส่งออกทุเรียนไปจีน

“พิชัย – นฤมล” โต้เดือดกลาง ครม.ปมส่งออกทุเรียนไปจีน ด้าน “นายกฯ แพทองธาร” รีบหย่าศึกให้ไปตกลงนอกรอบ ก่อนรายงาน ครม.ใหม่

ตำรวจพกโพยเข้าสอบ

ผบ.ตร. สั่งฟัน “พ.ต.อ.” พกโพยเข้าสอบตุลาการศาลปกครองชั้นต้น

ผบ.ตร.สั่งดำเนินการเด็ดขาด รอง ผบก.อก.ภ.8 หลังถูกตรวจพบโพยทุจริตการสอบตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ให้ต้นสังกัดตั้งสอบวินัยร้ายแรง ฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

ข่าวแนะนำ

คณะผู้แทนไทยเยี่ยมชาวอุยกูร์ สำรวจความเป็นอยู่หลังส่งกลับจีน

คณะผู้แทนไทย เดินสายเยี่ยมชาวอุยกูร์ สำรวจความเป็นอยู่ หลังส่งกลับจีน “ทวี” มั่นใจเห็นภาษากาย สีหน้า แววตา รัฐบาลนี้ตัดสินใจถูกต้องตามหลักสากล บนพื้นฐาน ถูกกฎหมาย ถูกจริยธรรม ชี้ทำคนตายแล้วเกิดใหม่ ขอเอาความจริงพิสูจน์ หลังประเทศใหญ่กดดันไทย

นักธุรกิจสาวประกาศตามหาทรัพย์สินแบรนด์เนม ดาราสาวยืมไม่คืน

มหากาพย์ดารานางร้ายยืมทรัพย์สินแบรนด์เนมของนักธุรกิจสาว มูลค่ารวม 62 ล้านบาท แล้วไม่คืน นักธุรกิจสาวเผยเป็นบทเรียนราคาแพงจากการไว้ใจคนผิด รู้ซึ้งคำว่าเอ็นดูเขา เอ็นเราขาดกระจุย พร้อมประกาศตามหาทรัพย์สินคืน

ลุยเก็บหลักฐานหาสาเหตุไฟไหม้รถยนต์ของกลาง ด่านศุลกากรแม่สอด

ตำรวจเร่งเก็บหลักฐานหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ของกลาง ด่านศุลกากรแม่สอด จ.ตาก ให้น้ำหนักไปที่ไฟป่า แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุพิกัดต้นเพลิง รวมถึงจำนวนรถที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายที่แน่ชัดได้

“ไผ่ ลิกค์” เผย รมต.ที่ถูกพาดพิงปม “ดิว” ไม่ใช่ “ธรรมนัส”

“ไผ่ ลิกค์” เผยคุย “ดิว” แล้ว รัฐมนตรีที่ถูกพาดพิงค้ำประกัน ไม่ใช่ “ร.อ.ธรรมนัส” และคนพรรคกล้าธรรม แต่เป็นรัฐมนตรีที่ยังอยู่ในตำแหน่ง รับดาราสาวเคยมาปรึกษาเรื่องหนี้ แนะเป็นหนี้ก็ต้องใช้