วราเทพ แจงศาลคดีทุจริตจำนำข้าว ยันไม่มีการสวมสิทธิ์จำนำข้าว

179ศาลฎีกานักการเมือง 19 ส.ค.-“วราเทพ รัตนากร” เข้าไต่สวนพยานจำเลยนัด 2 คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ยืนยันไม่มีการสวมสิทธิ์จำนำข้าว เผยแผนการรับจำนำข้าวมีวิธีการตรวจคุณภาพข้าวและที่มาอย่างเข้มงวด ศาลฯ นัดไต่สวนพยานจำเลยอีก 3 ปาก 9 ก.ย.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันนี้ (19 ส.ค.) ว่า นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 2 คดีโครงการรับจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

ในวันนี้ ทนายความจำเลย นำนายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไต่สวนเพียงปากเดียว สรุปว่า ข้าวที่ชาวนานำมาเข้าโครงการฯ จะมีการคิดคำนวณว่ามีข้าวหักหรือไม่ ซึ่งหากมีข้าวหัก ชาวนาจะได้รับเงินไม่เต็มจำนวนที่กำหนดไว้ในการรับจำนำ 15,000 บาทต่อตัน และรัฐบาลไม่รับจำนำข้าวอายุน้อยกว่า 110 วัน โดยวิธีการตรวจสอบข้าวนั้น ที่จุดรับจำนำข้าวเปลือกจะมีเครื่องบดเพื่อตรวจสอบลักษณะและคุณภาพข้าวว่าใช้ได้หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยไม่ได้นำตัวอย่างข้าวเปลือกที่นำมาจำนำทดลองในห้องปฏิบัติการ พร้อมยืนยันชาวนาไม่ได้เร่งปลูกข้าวเพื่อจะเข้าสู่โครงการ เพราะเป็นไปได้ยาก ขณะที่ชาวนาผู้ที่จะนำข้าวมาจำนำต้องมีการขึ้นทะเบียนเพื่อให้รู้ว่าปลูกข้าวพันธุ์อะไร จำนวนเท่าใด ในพื้นที่ใด แล้วจะมีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดที่จะปล่อยให้มีการจำนำข้าวที่ไม่มีคุณภาพ เพราะจะต้องมีผู้รับผิดชอบ


ส่วนรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ออกประกาศเรื่องการนำข้าวเข้าจากต่างประเทศนั้น เป็นการดำเนินการตามข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ AFTA ขององค์การการค้าโลก (WTO) ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติให้นำเข้าข้าวได้เฉพาะบางประเภทในสัดส่วนไม่เกิน 200,000 ตัน  โดยประกาศนั้นไม่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว  ส่วนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือแจ้งเตือนการทุจริต และเสนอข้อแนะนำโครงการฯ จำเลยก็รับทราบ และมอบหมายให้หน่วยงานเกี่ยวข้องปฏิบัติ โดยจำเลยติดตามผลและปรับปรุงข้อกำหนดต่าง ๆ ให้รัดกุมขึ้น

ขณะที่พยานก็ได้รับมอบหมายให้ร่วมตรวจสอบตัวเลขของอนุกรรมการปิดบัญชี ที่ระบุผลขาดทุน 3 ฤดูกาล 5.6 แสนล้านบาทเศษนั้น ตัวเลขดังกล่าวไม่ถูกต้องและไม่สมบูรณ์  ใน 2 กรณี คือ อนุกรรมการฯ ได้คิดคำนวณมูลค่าข้าวคงเหลือในบัญชี โดยใช้ราคาเฉลี่ยต่ำสุดที่มาจากราคาต้นทุน ซึ่งเป็นราคาที่รับจำนำ , ราคาขาย และราคาที่ขายได้จริง  แต่กระทรวงพาณิชย์ให้เสนอใช้ราคาต้นทุนซึ่งมีราคาที่สูงกว่า จะทำให้ตัวเลขขาดทุนน้อยลง และ 2.องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กับ องค์การคลังสินค้า (อคส.) รายงานตัวเลขข้าวแตกต่างกันถึง 2 แสนตัน  โดยที่ประชุมตรวจสอบแล้วสุดท้ายพบว่าตัวเลขอ้างข้าวหายไม่เป็นความจริง จึงทำให้ผลขาดทุนลดลง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้คัดค้านตัวเลขของอนุกรรมการฯ แต่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับวิธีคำนวณที่ทำให้ตัวเลขแตกต่างกัน สำหรับการควบคุมกรอบวงเงินนั้นเป็นตาม พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ

ขณะที่องค์คณะฯ ยังได้ถามพยานเกี่ยวกับข้อสงสัยในวิธีการรับจำนำข้าว ซึ่งนายวราเทพ ตอบว่า การรับจำนำข้าวนั้น ชาวนาใช้สิทธิ์ไถ่ถอนข้าวคืนได้ โดยต้องนำเงินพร้อมดอกเบี้ยมาคืนให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วชาวนาจะได้รับข้าวเปลือกของตนเองกลับคืน แต่ปัจจุบันไม่มียุ้งฉางเก็บข้าว  ดังนั้นเมื่อรับจำนำข้าวแล้ว จะต้องนำข้าวไปสี ซึ่งหากชาวนาจะมาไถ่ถอน ก็จะได้รับข้าวคืน ส่วนจะเป็นข้าวชนิดใด ขึ้นอยู่กับตามข้อตกลงที่ ธ.ก.ส.ทำไว้กับชาวนา


เมื่อศาลฯ ถามว่ารัฐบาลมีวิธีตรวจสอบอย่างไรว่ามีการนำข้าวต่างประเทศมารับจำนำด้วยหรือไม่ นายวราเทพ ชี้แจงว่า เกษตรกรต้องลงทะเบียนแสดงว่ามีที่ดินทำนา ปลูกข้าวจริง ไม่ใช่มีแค่ที่นา ขณะที่รัฐบาลยังให้มีการตั้งประชาคม โดยมีคนในชุมชนร่วมรับรองว่าชาวนาดังกล่าวปลูกข้าวจริง นอกจากนี้ยังใช้ภาพแผนที่ทางอากาศเทียบเคียงกับพื้นที่จริงด้วยว่าสามารถปลูกข้าวได้หรือไม่ อีกทั้งกระทรวงกลาโหมยังมีมาตราการให้ทหารร่วมกับตำรวจสกัดกั้นการลอบนำข้าวเข้า แม้ว่าขณะนั้นจะมีเพียงข่าวลือ

เมื่อศาลฯ ถามย้ำว่ามีการตรวจสอบเกษตรกรทุกคนหรือไม่ นายวราเทพ กล่าวว่า ไม่สามารถตรวจได้ทุกคน เพราะมีจำนวนมากที่ร่วมโครงการฯ แต่มีการสุ่มตรวจ เช่น 25 คน จาก 100 คน  โดยยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการสวมสิทธิ์

หลังศาลฯ ไต่สวนนายวราเทพเสร็จ ก็นัดไต่พยานจำเลยอีก 3 ปาก  ประกอบด้วย นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตประธานผู้แทนการค้าไทยและอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์  , นายสัตว์แพทย์ ชัย วัชรงค์ นักวิชาการอิสระ และนายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร บ.ซีพี อินเตอร์เทรด จำกัด  ในวันที่ 9 กันยายน 2559 เวลา 09.30 น. และให้ยกเลิกนัดไต่สวนวันที่ 23 กันยายน  เนื่องจากองค์คณะฯ ต้องเข้าร่วมประชุมใหญ่ศาลฎีกา

ส่วนที่ทนายความจำเลยแถลงว่าพยานที่ต้องไต่สวนในวันที่ 23 กันยายนนั้น  เมื่อรวมกับพยานที่ยังรอไต่สวนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 อีก 16 ปาก ซึ่งมีจำนวนมาก ดังนั้นจึงขอเพิ่มไว้ไต่สวน ศาลฯ พิจารณาแล้วมีเหตุอันควรให้เพิ่มวันไต่สวนพยานจำเลยอีก 3 นัด ในวันที่ 17 มีนาคม , วันที่ 12 พฤษภาคม  และวันที่ 16 มิถุยายน  2560  เวลา 09.30 น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]