fbpx

“สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินฯ” เตือนประชาชน ระวังสัตว์มีพิษหน้าฝน หากถูกงูกัด ห้ามกินยาแอสไพริน ส่งผลให้พิษงูทำงานเร็วขึ้น

กรุงเทพฯ8มิ.ย.-สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เตือนประชาชน ระวังสัตว์มิพิษกัดหน้าฝน  หลังพบสถิติพ.ค.ปี 61 ผู้ถูกสัตว์มีพิษกัดมากถึง 1,578 คน แนะวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ถูกงูกัด ห้ามใช้ปากดูดพิษ ขันชะเนาะ ห้ามกินยาที่มีส่วนผสมของแอสไพรินเพราะจะทำเสริมพิษของงูทำงานเร็วขึ้น 


เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนนี้เข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการ โดยกรมอุตินิยมวิทยาได้ออกคำเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังตนเองและเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับพายุฝนที่กำลังจะเกิดขึ้น  นอกจากประชาชนจะเจ็บป่วยฉุกเฉินจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยทั้งอากาศร้อนและพายุฝน แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ตนมีความเป็นห่วงประชาชนชน คือการเจ็บป่วยฉุกเฉินถูกกัดหรือต่อยจากสัตว์มีพิษที่มากับพายุฝน ซึ่งจากสถิติการรับแจ้งเหตุอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินจากการโดนสัตว์มีพิษกัดหรือต่อยในช่วงเดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2561ที่ผ่านมา มีประชาชนแจ้งเหตุมากถึง 1,578 ราย  วันนี้ตนจึงอยากฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังสัตว์มีพิษที่จะมากับฝน โดยสัตว์มีพิษที่ประชาชนควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ งูพิษ   ตะขาบ  โดยงูพิษเป็นสัตว์ที่น่ากลัวที่สุด  จะแฝงตัวอยู่ในพื้นที่รกและชื้นแฉะ ทั้งนี้ข้อมูลจากสถานเสาวภา สภากาชาดไทย  ระบุว่า งูพิษที่พบมากที่สุดในประเทศไทย คือ  1.งูพิษที่มีผลต่อระบบประสาท ได้แก่ งูเห่าไทย งูเห่าพ่นพิษสยาม  งูจงอาง งูสามเหลี่ยม และงูทับสมิงคลา โดยพิษของงูจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และเป็นอัมพาต จะเริ่มจากกล้ามเนื้อมัดเล็ก ไปจนถึง กล้ามเนื้อมัดใหญ่และสุดท้ายจะเป็นทั้งตัว อาการแรกเริ่ม คือ หนังตาตก ผู้ป่วยลืมตาไม่ขึ้น ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดๆ ว่าผู้ป่วยง่วงนอน ต่อมาจะเริ่มกลืนน้ำลายลำบาก พูดอ้อแอ้ และหยุดหายใจ เสียชีวิต 


 2.งูพิษที่มีผลต่อระบบเลือด ได้แก่ งูแมวเซา ซึ่งหากถูกกัด จะมีอาการปวดบวมบริเวณรอบแผลเล็กน้อย  และงูกะปะ หากถูกกัดจะพบตุ่มน้ำเลือด  และมีเลือดออกจากแผลที่ถูกกัด ส่วนกรณีของงูเขียวหางไหม้ จะมีอาการบวมบริเวณที่ถูกกัด และลามขึ้นค่อนข้างมาก เช่น ถูกกัดบริเวณนิ้วมือ แต่บวมทั้งแขน นอกจากนี้จะมีอาการช้ำเลือด  และ พิษของงูจะไปทำให้เลือดในร่างกายไม่แข็งตัว เลือดออกไม่หยุด  หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร เลือดออกในสมอง  ปัสสาวะมีเลือดปน เลือดออกตามไรฟัน  หรือพบภาวะไตวายเฉียบพลันร่วมด้วยได้ 

3.งูพิษที่มีผลทำลายกล้ามเนื้อ ได้แก่ งูทะเล  โดยจะทำให้ปวดกล้ามเนื้อทั่วตัว ปัสสาวะมีสีเข้มจนถึงสีดำ ปัสสาวะออกน้อยเนื่องจากมีภาวะไตวายเฉียบพลัน อาจมีหัวใจหยุดเต้นจากภาวะโพแทสเซียมคั่งในเลือด


เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะกล่าวว่า  หากท่านพบเห็นผู้ที่ถูกงูพิษเหล่านี้กัด เมื่อตรวจสอบแล้วว่าเป็นงูพิษ ให้รีบโทรแจ้งสายฉุกเฉิน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ จากนั้นให้ทำการปฐมพยาบาลตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่  โดยต้องรีบล้างแผลให้สะอาด ห้ามกรีดบาดแผล หรือดูดเลือดออกจากบาดแผลเด็ดขาด เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิดและอาจจะทำให้ผู้ที่เข้าช่วยเหลือจะได้รับพิษไปด้วยหากมีบาดแผลในช่องปาก รวมถึง ห้ามกินยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน เพราะจะไปเสริมฤทธิ์ให้พิษงูทำงานเร็วยิ่งขึ้น   และควรจัดให้ผู้ที่ถูกงูพิษกัดอยู่ในท่าที่สบายนอนนิ่งๆ และเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ใช้ผ้ายืดหรือหาผ้าสะอาดพันรอบอวัยวะส่วนที่ถูกกัดให้กระชับ โดยพันจากส่วนปลายขึ้นมาจนสุดบริเวณอวัยวะถูกกัด แล้วทำการดามด้วยของแข็งเพื่อลดการเคลื่อนไหวของอวัยวะบริเวณที่ถูกกัด แล้วรีบนำส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ที่สำคัญไม่ควรปฐมพยาบาลด้วยการขันชะเนาะ เพราะหากทำผิดวิธีจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยมีอันตรายมากยิ่งขึ้น และหากผู้ป่วยฉุกเฉินหยุดหายใจจะต้องรีบทำการฟื้นคืนชีพ หรือ CPR ทันที  

เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีสัตว์มีพิษอีกหนึ่งชนิดที่จะพบบ่อยในช่วงหน้าฝนด้วยเช่นกันคือ ตะขาบ ซึ่งหากถูกตะขาบกัดให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการล้างแผลที่ถูกตะขาบกัดให้สะอาด กินยาพาราเซตามอลแก้ปวด ใช้ยาหม่องทาบางๆเบาๆ ไม่กดนวด ตรงบริเวณที่ถูกตะขาบกัด และหากมีอาการปวดมากให้ใช้น้ำอุ่นประคบที่แผลประมาณ 20 นาที และหากท่านปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วอาการยังมีอาการปวดอย่างรุนแรง แน่นหน้าอก หรือมีอาการหอบเหนื่อยให้รีบไปสถานพยาบาลเพื่อพบแพทย์โดยด่วน  

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะทำให้เรารอดพ้นจากสัตว์มีพิษที่จะมากับฝนได้นั้น เราต้องหมั่นสังเกตพื้นที่บริเวณรอบบ้านต้องทำความสะอาดไม่ให้บ้านรกรุงรังซึ่งจะเหมาะกับการอยู่อาศัยของสัตว์มีพิษเหล่านี้ นอกจากนี้แล้วควรสังเกตตามมุมอับของบ้าน และบริเวณที่นอน ก่อนสวมใส่เสื้อผ้าก็ควรสลัดก่อนใส่ทุกครั้งเพื่อป้องกันสัตว์มิพิษเหล่านี้ที่อาจซ่อนตัวอยู่ในเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม  และหากจำเป็นต้องเดินในพื้นที่รกชื้นควรใส่รองเท้าหุ้มส้น  เตรียมไฟฉาย ไว้ส่องสว่าง  และเตรียมไม้ไว้ตีไล่สัตว์มีพิษออกไปด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โผ ครม. “เศรษฐา 2” ลงตัว ก.คลัง จัด รมช. 3 เก้าอี้

โผ ครม. เศรษฐา 2 ลงตัว ก.คลัง จัด รมช. 3 เก้าอี้ เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ พปชร. ยึด ก.เกษตรฯ ด้าน “สุชาติ” นั่ง รมช.พาณิชย์ พร้อมทาบ “พวงเพ็ชร” ที่ปรึกษานายกฯ โค้งสุดท้ายสลับ “สุดาวรรณ” นั่ง ก.วัฒนธรรม “เสริมศักดิ์” ไป ก.ท่องเที่ยวฯ

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. “เศรษฐา 1/1”

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ โปรดเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 1/1 แล้ว “พิชัย” รองนายกฯ ควบ รมว.คลัง โยก “สมศักดิ์” นั่ง รมว.สธ. แทน “นพ.ชลน่าน”

อาลัย “ดาบต้าร์” ตร.ทางหลวง เสียชีวิตแล้ว

ข่าวเศร้าเช้าวันหยุด ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ หรือ “ดาบต้าร์” เสียชีวิตแล้ว หลังบาดเจ็บสาหัสจากเหตุเก๋งพุ่งชนขณะอำนวยการจราจรช่วงสงกรานต์

ไฟไหม้ “วิน โพรเสส” ยังคงพบไอระเหยสารเคมี 10 ชนิด

กรมควบคุมมลพิษ เผยผลตรวจติดตามผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตราย ล่าสุดยังคงพบไอระเหยสารเคมี 10 ชนิด ในปริมาณเล็กน้อย แต่บางจุดพบสารบางชนิดในระดับจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองตาและผิวหนัง พร้อมร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมแผนรับมือช่วงฤดูฝน ที่อาจจะมีวัตถุอันตรายหลุดออกมานอกพื้นที่

ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นอีก 20 สตางค์ แตะ 3.80 บาท

เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกาศปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอีก 20 สตางค์ โดยเป็นการขยับราคาห่างจากรอบที่แล้วไม่ถึง 2 สัปดาห์ สาเหตุเพราะช่วงนี้อากาศร้อนยิ่งขึ้นอีก ปริมาณไข่ไก่ลดและขนาดฟองเล็กลง ประกอบกับสงครามในต่างประเทศ ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้น สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ วอนผู้บริโภคเข้าใจและขออย่าตกใจ ปริมาณไข่ไก่แม้น้อยลง 5-10% แต่ยังเพียงพอบริโภค