แนะรัฐบาลใหม่ส่งเงินให้รากหญ้าเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – ประธานเครือสหพัฒน์เชื่อหลังตั้งรัฐบาลใหม่ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น แนะคลังส่งเงินให้รากหญ้ามาจับจ่ายสินค้าช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ 

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยภาพรวมการค้าปลีกในช่วงที่ผ่านมาว่า ทุก ๆ ปีที่ผ่านมา ภาพรวมการค้าปลีกดี แต่ปีนี้เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี ส่งผลให้ภาพรวมการค้าปลีกทรงตัวไม่ดีอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่ยอดค้าปลีกดีสินค้ากลุ่มอาหารดี เนื่องจากหลายปัจจัย และโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว  และสถานการณ์การค้าปลีกเป็นเช่นนี้ ไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น  

ส่วนบรรยากาศเศรษฐกิจในประเทศ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ซบเซา เนื่องจากการตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่เสร็จ  แต่หากการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จคาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น หวังว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้จะสามารถตั้งรัฐบาลใหม่ได้  ด้านความเชื่อมั่นนั้น หากรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพก็กระทบถึงความเชื่อมั่นในภาพรวมเช่นกัน และรู้สึกห่วงเหมือนกับคนไทยทุกคน 

สำหรับสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการ คือ ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้าให้มีกำลังซื้อขึ้นมา เช่น  รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงการคลังส่งเงินให้ประชาชนรากหญ้านำไปซื้อสินค้า แนวทางนี้จะดีที่สุดและเร็วที่สุด ส่วนสินค้าขณะนี้ราคายังไม่มีการขึ้นราคา ผู้ประกอบการต่างต้องการขายสินค้ามากขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีการขึ้นราคาสินค้า ต่างจากสมัยก่อนกระตุ้นการซื้อโดยการปรับราคาสินค้า แต่ปัจจุบันหากบอกว่าจะขึ้นราคาสินค้าประชาชนจะหยุดซื้อสินค้า 

ส่วนการค้าออนไลน์ที่เข้ามาบุกตลาดผู้บริโภคนั้น นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า ช่องทางการค้าปัจจุบันมีมากขึ้น ทำให้การขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าจะน้อยลง ในส่วนเครือสหพัฒน์ตั้งใจจะเปิดร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงาน ขณะนี้มีร้านอยู่ที่อำเภอศรีราชา กบินทร์บุรี และจะนำมาทดลองให้ประชาชนได้สัมผัสในงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 23” เพื่อโชว์นวัตกรรมและจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ ระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายนนี้ ไบเทค บางนา 

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า เครือสหพัฒน์เดิมมุ่งเน้นการผลิตสินค้าเป็นหลัก แต่นับจากนี้ไปเส้นทางสู่อนาคตของเครือสหพัฒน์จะต้องมีครบทั้งสินค้า บริการ และวัฒนธรรม เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยวัฒนธรรมหมายถึงโรงเรียน มูลนิธิ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มมีอยู่แล้ว จะมีการเปิดตัวโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพฯ ซึ่งก่อตั้งร่วมกับโรงเรียนคิงส์ คอลเลจ วิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ ส่วนทางด้านบริการจะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น  AI, Big Data หรือ IoT มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้บริโภค.-สำนักข่าวไทย