รร.เซนทราฯ 29 พ.ค.- รมว.สธ. ยัน กัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล กรณีผู้ป่วยอ้างใช้รักษาเชื่อเอชไอวี จนมีผลเลือดเป็นลบ. ย้ำทุกอย่างต้องทำตามหลักวิชาการเพื่อความปลอดภัย ส่วนการตรวจสอบผอ.รพ.บ้านฉาง พบว่า ขณะนี้ ยอมมารับการอบรมกับกรมการแพทย์แล้ว
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง ความสับสนเรื่องกัญชารักษาสาระพัดโรค และโรคเอดส์ ว่า ได้มอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืยันไม่ได้ลงไปจับผิด แต่ ดูว่า การสั่งจ่ายและใช้กัญชารักษาเชื้อเอชไอวี นั้น ทำมานานแค่ไหน ได้ผลอย่างไร เพื่อดูแลประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย อย่างไรก็ตามยืนยันว่า กัญชา มีทั้งคุณและโทษ แต่ที่เลือกเอามาใช้ในทางการแพทย์ เป็นเพียงการนำประโยชน์มาใช้ ซึ่งตามเกณฑ์ของ องค์การอนามัยโลก การใช้กัญชาที่ปลอดภัย ต้องมีปริมาณสาร THC น้อยกว่า 0.2 % ถึงจะมีความปลอดภัย ไม่ติด โดยสามารถทำมาเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างช็อกโกแลค ด้วยซ้ำ ส่วนในใช้กัญชาในการรักษาโรคเรื้อรังอื่นๆ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องดูข้อมูลทางการแพทย์ ที่แน่ชัด ไม่อยากให้ประชาชนใจร้อน หรือคิดว่า กัญชาใช้รักษาโรคอื่นๆ ได้ทั้งหมด ทุกอย่างต้องมีข้อมูลที่ผ่านการศึกษาวิจัยที่น่าเชื่อถือ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบข้อมูลการรักษากัญชาของผอ.รพ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ล่าสุด ทราบว่านพ.ประเสิรฐ มงคลศิริ ผอ.รพ.หนองฉางนั้น ทราบว่า ขณะนี้ได้หยุดการสั่งจ่ายกัญชาให้กับผู้ป่วยแล้ว และได้เข้ามาฝึกอบรมการสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์ กับกรมการแพทย์แล้ว
ด้านนายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องการสั่งจ่ายกัญชา ที่จ.เพชรบูรณ์นั้นตนไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่ากัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล การจะระบุผลเลือดเป็นลบ อาจเป็นไปได้ที่มาจากยาต้านไวรัสฯ หรือเปล่า ทั้งนี้ปัจจุบัน การรักษาเอชไอวี มาตรฐานทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยคือการรับยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุด ดังนั้นขอผู้ติดเชื้อฯ อย่าผลีผลาม หากทิ้งการรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ หันไปพึ่งการรักษาทางเลือกที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ อาจจะทำให้เสี่ยงเกิดการดื้อยา รักษายาก ซึ่งเราเคยมีบทเรียนมาแล้วในอดีต.-สำนักข่าว