ศาลฯ สั่งริบทรัพย์ หมอโด่ง 900 ล้าน จำเลยร่วมจำนำข้าว

ศาลฎีกาฯ กทม. 17 พ.ค. – ศาลฎีกานักการเมือง พิพากษาสั่งริบทรัพย์บัญชีเงินฝากยกครัว 7 รายการร่วม 900 ล้าน หมอโด่ง-วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขาฯ บุญทรง จำเลยร่วมจีทูจี ตกเป็นของแผ่นดิน ให้บังคับคดีตามริบทรัพย์ให้ครบภายใน 10 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีริบทรัพย์คดีหมายเลขดำ อม. 282/2560 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่ อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องให้ศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือหมอโด่ง จำเลยร่วมคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จำนวน 896,554,760.28 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยคดีสืบเนื่องจาก อัยการสูงสุด ผู้ร้อง ได้ยื่นคำร้องว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและข้าราชการการเมืองอื่นตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2542 มาตรา 4 , 66 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.54  และพ้นจากตำแหน่งวันที่ 18 ม.ค.55 ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เลขานุการ ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.55 และพ้นจากตำแหน่งวันที่ 30 มิ.ย.56 โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 ชี้มูลความผิด พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกับนายบุญทรง กับพวกรวม 113 คน ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกและการระบายข้าวอันเป็นความผิด ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ. ศ.2542 , พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และร่วมกันสนับสนุนกับนายภูมิ อดีต รมช.พาณิชย์ กับพวกรวม 5 คนกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 86, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
โดยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.58 คณะกรรมการ ป.ป.ช มีมติว่า กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าวนั้น ร่ำรวยผิดปกติ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 66, 75 วรรคสอง, 77 จึงให้แต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งอนุกรรมการไต่สวนแล้ว ก็ปรากฎหลักฐานว่า ระหว่างที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา เป็นผู้ช่วยเลขานุการของนายภูมิ รมช.พาณิชย์ และขณะเป็นเลขานุการของนายบุญทรง รมว.พาณิชย์ ได้มีทรัพย์สินเป็นเงินฝากธนาคาร, เงินลงทุนในหลักทรัพย์, ที่ดินสิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะ มูลค่ามากเกินกว่าฐานะและรายได้ที่ พ.ต.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหาแจ้งต่อกรมสรรพากร และมากกว่ารายได้ที่แสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดย พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา ยักย้าย ถ่ายเท ซุกซ่อนนำทรัพย์สินของตน มอบให้บุคคลใกล้ชิดรวม 6 คน ครอบครองแทนได้แก่ 1.นางชุติมา วัจนะพุกกะ อดีตภรรยา 2.น.ส.อรชุมา วัจนะพุกกะ บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 3. พล.ต.ต.วีรวัฒน์ วัจนะพุกกะ บิดาของผู้ถูกกล่าวหา 4.นางอรณี วัจนะพุกกะ มารดาของผู้ถูกกล่าวหา 5.นายสมาน ญาติมิ บิดาอดีตภรรยา 6.น.ส.ชุตินันท์ ญาติมิ หลานของอดีตภรรยา
โดยอนุกรรมการไต่สวนชั้น ป.ป.ช. ให้ผู้ถูกกล่าวหากับบุคคลดังกล่าวเข้าชี้แจง แต่ผู้ถูกกล่าวหาและบุคคลที่มีชื่อถือครองทรัพย์ฯ ไม่ชี้แจงเหตุผลใด ยกเว้นเพียง น.ส.ชุตินันท์ ที่ได้ชี้แจง แต่อนุกรรมการไต่สวน ก็เห็นว่าคำชี้แจงนั้นไม่อาจรับฟังได้ ต่อมาวันที่ 2 พ.ย.60 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติเห็นชอบตามความเห็นของอนุกรรมการไต่สวนว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ร่ำรวยผิดปกติโดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท และ อัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ พิพากษาให้ทรัพย์สินดังกล่าวของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหาพร้อมดอกผลนั้นตกเป็นของแผ่นดิน หากไม่สามารถบังคับคดีเอาทรัพย์สินดังกล่าวได้ทั้งหมด หรือได้แค่บางส่วน ก็ขอให้บังคับเอากับทรัพย์สินอื่นของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา ภายในอายุความ 10 ปี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 83
โดยศาลฎีกาฯ ได้ประกาศคำร้องของ อัยการสูงสุด ในคดีริบทรัพย์นี้ในที่เปิดเผยแล้ว พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา และผู้มีชื่อครอบครองทรัพย์สินนั้นไม่ยื่นคำคัดค้าน และไม่ประสงค์คัดค้านคำร้องซึ่งวันนี้ ฝ่ายอัยการสูงสุด มีผู้แทนมาร่วมฟังคำพิพากษา ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาและครอบครัวไม่มีใครมาศาล คงมีเพียงทนายความรับมอบอำนาจมาฟังคำสั่งศาลเท่านั้น
ศาลฎีกาฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานตามคำร้องของอัยการสูงสุด และตามทางไต่สวนประกอบรายงานของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว เห็นว่าบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา ยื่นไว้ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ประกอบด้วยที่ดิน, รถยนต์, หลักทรัพย์ และบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ ของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา, ญาติและคนสนิทของผู้ถูกกล่าวหา มีมูลค่าสูงไม่สอดคล้องกับรายได้ที่มีอยู่ ซึ่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้เป็นภาระของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา ต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ได้มานั้นเป็นทรัพย์สินที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือไม่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ แต่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา ไม่มาพิสูจน์ 
ศาลจึงฟังพยานของ อัยการสูงสุด ผู้ร้อง และหลักฐานของ ป.ป.ช. เห็นว่า ทรัพย์สินทุกรายการตามฟ้องเป็นทรัพย์สินของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ซึ่งได้มาจากพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติตามหลักฐานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.รวบรวมมา
องค์คณะผู้พิพากษา จึงพิพากษาว่า ทรัพย์สินตามคำร้องนั้น เป็นทรัพย์สินที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหามีเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ อันเป็นการร่ำรวยผิดปกติ จึงให้ทรัพย์สินดังกล่าวรวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน หากไม่อาจบังคับคดีเอาทรัพย์สินตามที่วินิจฉัยมาข้างต้นได้ทั้งหมดหรือได้แต่บางส่วน ให้บังคับคดีเอาทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความ 10 ปี แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 38, 80 ประกอบมาตรา 83
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทรัพย์สินที่ศาลให้ตกเป็นของแผ่นดิน ประกอบด้วย 1.บัญชีเงินฝากธนาคารชื่อ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหา79,389,106.02 บาท 2.บัญชีเงินฝากชื่อ นางชุติมา อดีตภรรยา 367,313,172 บาทเศษ 3.บัญชีเงินฝากชื่อ น.ส.อรชุมา บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ  41,607,000 บาท 4.บัญชีเงินฝากชื่อนางอรณี มารดาผู้ถูกกล่าวหา  357,555,747 บาทเศษ 5.บัญชีเงินฝากชื่อ พล.ต.ต.วีระวัฒน์ บิดาผู้ถูกกล่าวหา 43,388,526.50 บาท 6.บัญชีเงินฝากชื่อนายสมาน ญาติมิ บิดาของอดีตภรรยา 5,901,267.90 บาท 7.บัญชีเงินฝากชื่อ น.ส.ชุตินันท์ หลานของอดีตภรรยา มูลค่า 1.4 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่งนั้น ตกเป็นจำเลยร่วมคดีกับนายบุญทรง ทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีด้วย แต่ระหว่างดำเนินคดี พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ได้หลบหนีไป ซึ่งศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับให้ติดตามกลับมาดำเนินคดีไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ตัวมา กระทั่งเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายใหม่ (วิ อม.) ให้ศาลพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลยได้ “อัยการสูงสุด” จึงได้ยื่นคำร้องขอให้นำคดีอาญาในส่วนของ หมอโด่ง นั้นขึ้นมาพิจารณาใหม่โดยไม่มีตัวจำเลย ซึ่งขณะนี้คดีอาญานั้น อยู่ระหว่างการไต่สวนพยานของศาลฎีกาฯ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]