ทำเนียบฯ 17 พ.ค.-นายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อฯ ระบุงานด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ควรอยู่กับพรรคการเมืองหลักที่จัดตั้งรัฐบาล ขอรอดูความชัดเจนจากสภาฯในการเลือกนายกรัฐมนตรี เชื่อหลายพรรคการเมืองมีนโยบายที่ดีและเจตนารมย์ทำเพื่อประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชน ในการพบปะสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยถึงการทำงาน ก่อนที่จะถ่ายรูปกับสื่อมวลชนและร้องเพลง พรหมลิขิตกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงาน 5 ปีที่ผ่านมา มีความคาดหวังให้สำเร็จในหลายเรื่อง แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่สามารถสำเร็จได้ในวันนี้ ซึ่งหวังว่ารัฐบาลใหม่จะสานต่อในสิ่งที่ทำไว้ ส่วนกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่ออกมาในขณะนี้ เป็นเรื่องของทางการเมืองของแต่ละพรรคจะเสนอขึ้นมา แต่สิ่งสำคัญคือต้องสนใจเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองต่าง ๆ หลายพรรคมีนโยบายที่ดี และเชื่อว่าทุกคนก็มีเจตนาทำเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นจึงขอให้ทำจริงตามเจตนาที่วางไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขออย่ามองการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของการแบ่งเก้าอี้แต่ให้มองว่าแต่ละคนจะเข้ามาทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีได้อย่างไร ท่ามกลางประชาชนที่จ้องมองอยู่ และการทำงานของรัฐบาลหน้าก็ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ก็ขอให้ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาก่อนถึงจะพิจารณาในขั้นต่อไป ส่วนอายุของรัฐบาลหน้าก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคน รวมถึงความกังวลว่าหากตั้งรัฐบาลด้วยคะแนนเสียงปริ่มน้ำ จะทำให้อายุรัฐบาลอยู่ได้ไม่นานนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นมุมมองของแต่ละคน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงาน หากผลงานออกมาดี ก็จะมีส่วนช่วยให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อไปได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคง ควรจะอยู่กับพรรคการเมืองหลักที่จัดตั้งรัฐบาล ขออย่ามองเป็นเรื่องของหวงตำแหน่งและผลประโยชน์ แต่เป็นเรื่องการทำงานที่ถูกต้อง ส่วนงานด้านเศรษฐกิจนั้น จะให้ทีมนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ทำงานต่อหรือไม่นั้น ก็ต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนายสมคิด ก็ทำงานร่วมกันมาตลอด ส่วนนายสมคิดจะรับตำแหน่งต่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนายสมคิดจะตัดสินใจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนงานเศรษฐกิจพรรคร่วมรัฐบาลก็สามารถเข้ามาช่วยทำงานในตำแหน่งต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลหน้าหรือไม่ เพราะยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ส่วนตัวยอมรับว่าอยากให้เข้ามาช่วยงาน เพราะถือเป็นคนที่ไว้ใจ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพล.อ.ประวิตร รวมถึงปัญหาสุขภาพด้วย ส่วนผู้ที่จะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องมีความรู้เรื่องของสภาฯและทำงานอย่างถูกต้องตามครรลอง ด้วยความเป็นธรรมและยุติธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากได้กลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ไม่มีอำนาจตาม ม.44 ก็สามารถทำงานได้ เพราะมีกฎหมายที่ใช้การดูแลเรื่องต่าง ๆ อยู่ และที่ผ่านมา ม.44 ก็ใช้เพื่อปลดล็อค ปรับปรุงประสิทธิภาพทางราชการ ดำเนินการกับผู้กระทำผิด ส่วนการชุมนุมก็มี พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ใช้สำหรับดูแล ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจก็ต้องดูแลการชุมนุมทำให้เกิดความเหมาะสม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประกาศเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่พรรคอนาคตใหม่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับสาม ว่า ขอให้ดูว่าอยู่ฝ่ายไหน ส่วนตัวไม่ได้รังเกียจใคร ซึ่งสื่อมวลชนก็รู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทุกอย่างก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ยินดีกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ โดยมองว่าทุกคนมีเจตนารมณ์ที่จะทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่แล้ว สำหรับการทำงานในรัฐบาลชุดใหม่จะไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และเชื่อว่านักการเมืองทุกคนทราบดี ว่าการเข้ามาทำงาน จะต้องร่วมมือแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ไม่ได้เป็นการเข้ามาถอนทุนแต่อย่างใด ขอให้ทุกคนช่วยกันลดความขัดแย้งในสื่อโซเชียล และทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ขออย่าใช้ช่องทางของกฎหมายมาสร้างความขัดแย้ง
ส่วนการประชุมอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะแต่งตั้งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แทนพิเศษรัฐบาล ในการเข้าร่วมประชุม
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ครอบครัวห่วงใยในการทำหน้าที่ แต่พร้อมให้กำลังใจเสมอมา และแม้จะเป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานการเมืองต่อ ก็จะไม่เปิดตัวครอบครัว เพราะอยากให้มีความเป็นส่วนตัว ยืนยันเป็นคนอารมณ์ดี ตลก อยากพบสื่อฯ ทุกวัน และในอนาคตอาจจะมีการแต่งเพลง เพื่อเตือนใจประชาชนทุกคนให้รักประเทศชาติอีก ก่อนนายกรัฐมนตรีจะบอกสื่อฯ ว่า ฉันรักเธอ ไม่มีวันสิ้นสุด และคติประจำใจที่ว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ .-สำนักข่าวไทย