กรุงเทพฯ 16 พ.ค.- ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา 6 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน คดีเงินทอนวัด ขณะที่จำเลยที่ 2 พิพากษาโทษจำคุก 3 ปี
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อดีตพระพรหมดิลก อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา และ นายสมทรง อรรถกฤษณ์ อดีตพระอรรถกิจโสภณ อดีตเลขาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จำเลยที่1 และ 2 ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และ พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 กรณีการนำเงินสนับสนุนโรงเรียนปริยัติธรรม แผนกการศึกษา ของ สำนักงานพระพุทธศาสนา จำนวน 5 ล้านบาท ไปใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารร่มธรรม และ อาคารที่พักสงฆ์ วัดสามพระยา ทั้งที่ภายในวัด ไม่มีโรงเรียนปริยัติธรรม โดยมีการโอนเงิน รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง วันที่ 7 มกราคม 2557 และ 14 มกราคม 2557 รวมกว่า 3.5 ล้านบาท แม้ว่าจำเลยที่ 1 และ 2 อ้างว่า เข้าใจผิดเป็นเงินที่ได้มาจากการยื่นของบประมาณการสร้างอาคาร ตั้งแต่ปี 2556 แต่ในเอกสารมอบฉันทะและใบตอบรับเงินอุดหนุน มีรายละเอียดวัตถุประสงค์ของเงินงบประมาณชัดเจน การนำงบดังกล่าวไปใช้ในการก่อสร้าง จึงถือเป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์ เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์ที่ได้มาจากการโดยทุจริต เข้าข่ายความผิดตาม พรบ.ฟอกเงิน จึงพิพากษาโทษจำคุก นายสมทรง 2 กระทง รวมทั้งสิ้น 3 ปี
ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลเห็นว่าเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดร่วมกันฟอกเงินต้องระวางโทษเป็น 2 เท่า จึงพิพากษาจำคุก 2 กระทง รวมทั้งสิ้น 6 ปี ส่วนข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ให้ยกฟ้อง เนื่องจากการเบิกถอนเงินไม่ใช่อำนาจหน้าที่โดยตรงของเจ้าอาวาส
ด้านนาย อรรณพ บุญสว่าง ทนายความ กล่าวว่าหลังจากนี้เตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดียืนยันความบริสุทธิ์ เนื่องจากปกติแล้วงบที่ใช้ในการสนับสนุนพระปริยัติธรรมจะจ่ายเป็นเงินสดตามจำนวนหัวนักเรียน แต่กรณีนี้ งบนี้ได้รับมาเป็นเช็ค จำเลยจึงเข้าใจว่าเป็นงบการก่อสร้างและบูรณาการตามที่ขอไป จึงไปเบิกมาสร้างอาคาร
อย่างไรก็ตาม ภายใน 2-3 วันนี้จะพิจารณาการขอประกันตัว เนื่องจากจำเลยทั้ง 2 คน มีปัญหาสุขภาพ และเหตุผล ที่ศาลไม่ให้ประกันตัวก่อนหน้านี้เพราะเกรงจำเลยจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน แต่ขณะนี้คดีเข้าสู่ชั้นศาลหมดแล้ว จึงขอความเมตตาจากศาลในการให้ประกันตัวจำเลยทั้งสองคน .-สำนักข่าวไทย