กระทรวงการคลัง 29 เม.ย. – คลังปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 62 เหลือร้อยละ 3.8 หลังการส่งออกชะลอตัวจากเศรษฐกิจโลก เตรียมนำมาตรการดันเศรษฐกิจ เสนอ ครม.พิจารณาพรุ่งนี้ ทั้งส่งเสริมท่องเที่ยว อสังหาฯ เพิ่มกำลังซื้อผู้มีรายได้น้อย
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอตัว ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกต่อเนื่องไตรมาส 2 ของปีนี้ เมื่อมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบจนน่าเป็นห่วง กระทรวงคลังจึงขยับเป้าหมายจีดีพีปี 2562 ขยายตัวได้เพียงร้อยละ 3.8 ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมร้อยละ 4 เพราะปัจจัยการส่งออกลดลง เป็นผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอลงและจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้กระทรวงการคลังปรับลดคาดการณ์ส่งออกปีนี้จาก ร้อยละ 4.5 เหลือเพียงร้อยละ 3.4
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมีนาคมและไตรมาสแรกของปี นับว่าสะท้อนการลงทุนชะลอตัวลง ทั้งการลงทุนภาครัฐและเอกชน จากตัวเลขเบิกจ่ายงบลงทุนและการนำเข้าเครื่องจักรวัตถุดิบ การส่งออกบริการมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายระยะเวลามาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VOA) ขณะที่แรงส่งจากโครงการลงทุนของภาครัฐยังคงจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามกรอบงบประมาณรายจ่ายลงทุนภาครัฐจากงบประมาณ 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าการร่วมลงทุนของภาครัฐและเอกชน (PPP) ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังช่วยสนับสนุนให้การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2562 อยู่ที่ร้อยละ 1.4 การปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามแนวโน้มต้นทุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีทิศทางเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากการที่สหรัฐยกเลิกผ่อนผันมาตรการลงโทษต่อประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นไม่มาก ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 37.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 6.8 ของ GDP
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้เตรียมเสนอมาตรการพยุงเศรษฐกิจ เพื่อให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 30 เมษายนนี้ ยอมรับว่ามาตรการพยุงเศรษฐกิจครั้งนี้ใช้เงินหมื่นกว่าล้านบาท แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ครม. ยอมรับว่าช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในช่วงปลายปี แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าจีดีพีมีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก มองว่าจีดีพีขยายตัวร้อยละ 4.5-4.6 หลังจากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาสานต่อนโยบาย หรือมาตรการใหม่ออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามาตการที่กระทรวงคลังเสนอมีหลายมาตรการ ทั้งการเพิ่มกำลังซื้อให้กับรายย่อย การช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ การส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมร้อยละ 2 ของราคาประเมินทุนทรัพย์ เหลือร้อยละ 1 ของมูลค่าแต่ไม่เกิน 200,000 บาท หากจำนอง ลดเหลือร้อยละ 0.01 ระยะเวลา 3 เดือน การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม มูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตนเอง โดยสามารถใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อเนื่องกัน 5 ปีภาษี นับแต่ปีภาษีที่มีการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ โดยให้แบ่งใช้สิทธิ์เป็นจำนวนเท่ากันแต่ละปีภาษี เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย