กรุงเทพฯ 23 เม.ย. – ประธานสหภาพฯ รฟท.ย้ำภาครัฐต้องรับผิดชอบภาระการจ่ายเงินชดเชย ค่าโง่เลิกสัญญาโฮปเวลล์ 1.2 หมื่นล้านบาท และชี้โฮปเวลล์ถือเป็นมรดกบาปขาดการมีส่วนร่วมตรวจสอบของภาคประชาชนตั้งแต่ต้น เป็นโครงการที่นักการเมืองมุบมิบทำกับเอกชนจนเสียหาย ระบุเป็นตัวอย่างอย่าให้โครงการปัจจุบันซ้ำรอยโดยเฉพาะรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงปัญหาค่าโง่โฮปเวลล์ 12,000 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ว่า ขณะนี้สหภาพอยู่ระหว่างติดตามข้อมูลด้านต่าง ๆ โดยได้เข้าไปมีส่วนร่วมสืบหาข้อมูลของโครงการย้อนหลัง เพื่อเป็นแนวทางช่วยเหลือคดีภาครัฐ นอกจากนี้ จะติดตามการหารือของคณะกรรมการ รฟท.ที่จะประชุม 26 เมษายนนี้ ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร รวมทั้งการดำเนินการระดับรัฐบาลที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบค่าโง่ดังกล่าว เนื่องจากจุดยืนสหภาพฯ ขอย้ำชัดเจนว่าโครงการนี้เป็นโครงการระดับรัฐบาลที่มีการอนุมัติโครงการ แม้ว่าจะมี รฟท.จะเป็นเจ้าของโครงการ แต่ก็เป็นการดำเนินการโครงการตามนโยบายรัฐบาลในขณะนั้น
นายสาวิทย์ กล่าวด้วยว่า ภาระที่เกิดขึ้นจากค่าโง่ 12,000 ล้านบาท ถือเป็นมรดกบาปที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศ เพราะที่ผ่านมาโครงการนี้มีข้อมูลขัดเจนว่าเป็นการมุบมิบทำระหว่านักการเมืองและเอกชนบางราย โดยขาดการตรวจสอบและมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน โดยสังคมไม่เคยมีส่วนรับรู้ว่ามีการร่างสัญญาอย่างไร และมีรายละเอียดที่เสียเปรียบกับเอกชนมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น เมื่อขาดการตรวจสอบจึงกลายเป็นปัญหา เมื่อแพ้คดีภาระที่เกิดขึ้นก็ตกเป็นของภาครัฐที่ต้องนำภาษีประชาชนไปจ่ายค่าโง่ดังกล่าว
ทั้งนี้ จากข้อมูลสหภาพฯ ในอดีต พบว่าบริษัทโฮปเวลล์ ได้เสนอตัวเป็นผู้ลงทุนในโครงการทั้งหมด เพื่อต้องการประโยชน์จากการบริหารทรัพย์สินที่ดินของรถไฟที่มีแนวเส้นทาง โดยมีการลงทุนสร้างระบบคมนาคมขนส่งทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วนขึ้นก่อน เมื่อเจริญแล้วเอกชนก็จะสร้างรายได้จากการพัฒนาที่ดินตามมา เมื่อโครงการล้มก็เกิดปัญหา ซึ่งประเด็นนี้สหภาพฯ อยากให้พิจารณาเชื่อมโยงกับโครงการปัจจุบัน โดยเฉพาะโครงการในพื้นที่ EEC รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ปัจจุบันแม้สังคมจะสามารถตรวจสอบโครงการ จากความก้าวหน้าระบบสื่อสารโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่เจริญมาก ข้อมูลมีการตรวจสอบและแชร์อย่างแพร่หลาย แต่โครงการนี้รัฐบาลประกาศเดินหน้าภาคสังคมก็ไม่ได้มีส่วนร่วมตรวจสอบและคัดค้านโครงการแต่อย่างใด ที่สำคัญพื้นฐานของโครงการมีลักษณะเช่นเดียวกับโฮปเวลล์ คือ รถไฟ 3 สนามบิน เป็นการพัฒนาระบบคมนาคมขึ้นก่อน และเอกชนหวังรายได้ในอนาคตจากการพัฒนาที่ดินโดยรอบ หากคิดพึ่งรายได้จากระบบคมนาคมอย่างเดียว โครงการจะขาดทุนแน่นอน ซึ่งสหภาพฯ เคยคัดค้านไปแล้วว่าโครงการรถไฟฟ้าที่จะมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกสามารถพัฒนารถไฟต่อเชื่อมจากแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ที่สถานีสุวรรณภูมิไปยังพื้นที่ โดย รฟท.เป็นผู้พัฒนาเอง ถือเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร โดยไม่มีการลงทุนมากเกินความจำเป็นที่จะส่งผลกระทบต่อภาระหนี้ของประเทศในอนาคต ซึ่งประเด็นเหล่านี้รัฐบาลไม่ได้รับฟังหรือรับไปพิจารณาเลย.-สำนักข่าวไทย