อาคารต้นสน 9 เม.ย. – การระดมทุนของภาคเอกชนผ่านตราสารหนี้ระยะยาว ไตรมาสแรกปี 62 ทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยไตรมาส 1 ปี 2562 ว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยโดยรวมยังคงเติบโตได้ดีมีมูลค่าคงค้างรวม 12.96 ล้านล้านบาท ขยายตัวขึ้นร้อยละ 1.3 จาก 12.79 ล้านล้านบาทเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 81,361 ล้านบาทต่อวันในไตรมาสแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.21
นายธาดา กล่าวว่า ตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกับทำลายสถิติการออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไตรมาส 1 โดยส่วนใหญ่เป็นการออกของบริษัทขนาดใหญ่ในภาค Real sector ที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนกลุ่มสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ แต่ด้านของตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นมีมูลค่าการส่งออกลดลง โดยกลุ่มธุรกิจเดียวกันเปลี่ยนจากการออกตั๋วบีอีไปเป็นการกู้ยืมกันในรูปแบบของสัญญาเงินกู้แทน ส่วนภาค Real sector และ Bank&Finance คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นการชะลอการออก เพื่อรอจังหวะดอกเบี้ยที่เหมาะสม หลังจากต้นทุนการกู้ยืมระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นตามการปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย
ด้านการลงทุนจากต่างประเทศไตรมาสแรกปี 2562 มีนักลงทุนต่างชาติขายออกสุทธิตลอด 3 เดือนแรกรวม 42,305 ล้านบาท ส่วนมากเป็นการขายออกในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น เพื่อรับรู้ผลกำไร ทั้งนี้ เมื่อสิ้นไตรมาสแรกของปี 2562 ต่างชาติมีมูลค่าการลงทุนสะสมสุทธิในตราสารหนี้ไทยทั้งสิ้น 942,993 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.3 ของมูลค่ารวมตลาดตราสารหนี้ไทย ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีความชันน้อยลง โดยรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 5-12 bps. ส่วนรุ่นอายุ 2-10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 1-9 bps.
สำหรับทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่เหลือของปี 2562 นายธาดา คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังคงระดับเดิม ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบมากจากปัจจัยเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำและการลงทุนภาคเอกชนยังคงทรงตัว เพื่อรอดูทิศทางและประสิทธิผลของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่.-สำนักข่าวไทย