กทม. 25 ส.ค. – ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 1 ปี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีไอซีที โดยไม่รอลงอาญา คดีแก้ไขสัญญาเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทในเครือชินวัตร
ย้อนรอยคดีอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ที่ลดสัดส่วนการถือหุ้นของ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทในเครือชินวัตร ตามที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย 3 คน ประกอบด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีไอซีที นายไกรสร พรสุธี อดีตปลัดกระทรวงไอซีที และนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ และอดีตปลัดไอซีที ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2546 ที่บริษัท ชินแซทเทลไลท์ หรือบริษัท ไทยคมฯ ในปัจจุบัน ได้ทำหนังสือไปยังกระทวงไอซีที ขออนุมัติลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น ลงจากเดิมไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 โดยให้เหตุผลว่าต้องการหาผู้ร่วมลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันธุรกิจ และเมื่อวันที่ 18 ต.ค.2547 นพ.สุรพงษ์ อนุมัติให้แก้สัญญาตามที่นายไกรสร ปลัดกระทรวงเสนอ และมีการลงนามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 5 เมื่อวันที่ 27 ต.ค.47 ลดสัดส่วนการถือหุ้นของ “อินทัช” ใน “ไทยคม” เหลือร้อยละ 40 โดยไม่เสนอเข้า ครม.พิจารณา
หลังรัฐประหารปี 2549 คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) หยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณา ก่อนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ ซึ่งชี้ว่าจำเลยทั้ง 3 ราย มีพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้แก่ “กลุ่มชินคอร์ป” มีความผิดทางอาญา และส่งเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลฎีกา
แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งวันนี้ศาลมีคำพิพากษาจำคุก นพ.สุรพงษ์ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยอีก 2 คน คือ นายไกรสร พรสุธี และนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 5 ปี เนื่องจากศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามที่มีหน้าที่ดูแลรักษาผลประโยชน์รัฐ แต่กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายกับสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ ก.ไอซีที เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานจากรัฐ
ก่อนหน้านี้ นพ.สุรพงษ์ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา คดีแทรกแซงการแต่งตั้งบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย สมัยดำรงตำแหน่ง รม.คลัง ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช. – สำนักข่าวไทย